"เราจะชี้แจงข้อมูลโดยมีหลักฐาน support ทั้งหมด ไม่เช่นนั้นจะทำให้ประชาชนเกิดความกังวลใจและเข้าใจผิดเราไปยกใหญ่" นายมณฑล ภาณุโภคิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค-วอเตอร์ จำกัด กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ก่อนหน้านี้ นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เลขาธิการสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ(สบอช.) ออกมารับรองสถานภาพของบริษัท K-water ผู้ชนะการประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำ โมดูล A3(แก้มลิง) และ A5(Floodway) มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเข้ามารับดำเนินงานในโครงการดังกล่าว
นายมณฑล กล่าวว่า ในทางกฎหมายเราไม่อยากจะไปดำเนินการใดๆ แต่เท่าที่รู้รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ เนื่องจากเป็นการให้ข้อมูลที่บิดเบือนไปจากความจริง ทำให้ชื่อเสียงของบริษัทฯ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของเกาหลีได้รับความเสียหายและกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
"เป็นการทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ ทำให้ประชาชนชาวไทยเกิดความเข้าใจ อันนี้เป็นเรื่องที่เรา serious มาก ทุกอย่างเราน้อมรับกฎหมายไทย น้อมรับฟังความคิดเห็นของคนไทย เดี๋ยวจะกลายเป็นประเด็นการเมือง" นายมณฑล กล่าว
กรณีที่มีการเผยแพร่ภาพหมู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับผู้บริหารบริษัท เค-วอเตอร์ จำกัด ที่ประเทศเกาหลีใต้นั้นเป็นความจริง เพราะบริษัท เค-วอเตอร์ จำกัด เป็นศูนย์ศึกษาการบริหารจัดการน้ำ ดังนั้นจึงมีผู้นำและผู้ที่ดูแลปัญหาเรื่องนี้ของหลายประเทศแวะเข้าไปดูงานเป็นจำนวนมาก
นายมณฑล กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ร่วมมือทำงานกับกรมชลประทาน แต่เมื่อเกิดโครงการนี้บริษัทฯ ก็ชะลอโครงการออกไปเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่าได้รับความช่วยเหลือให้ได้รับคัดเลือกในการประมูลโครงการ โดยบริษัทฯ พยายามที่จะนำเสนอข้อมูลต่อสาธารณชนให้มากที่สุด และไม่กังวลใจที่เข้ามาดำเนินงานในโครงการนี้
"เราเป็นผู้เชี่ยวชาญในการบริหารจัดการน้ำ มีผู้ชำนาญการในเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก สิ่งที่จะทำในเมืองไทยจะใช้วิศวกรของเกาหลี แต่ข้อมูลมาจากที่ปรึกษาคนไทย...K-Water เป็นรัฐวิสาหกิจ เราทราบกันอยู่แล้วว่า ประเทศเกาหลีในเรื่องคอรัปชั่นไม่มี และเราก็ถูกตรวจสอบตลอดเวลา" นายมณฑล กล่าว
ส่วนคำพิพากษาของศาลปกครองกลางที่สั่งให้รัฐบาลดำเนินการรับฟังความเห็นของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 วรรคสอง และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 วรรคสอง นายมณฑล กล่าวว่า ทำให้รู้สึกสบายใจมากขึ้น เพราะงานบางอย่างเราไม่มีความสามารถที่จะไปทำ ถือว่าดีจะได้มีความชัดเจนมากขึ้น ตอนนี้ก็รอความชัดเจนจากทางการว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร
"ไม่มีความอึดอัดอะไร เรามีประสบการณ์มามากพอ เพียงแต่เรารอดูว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรต่อไป การต่อต้านเป็นเรื่องธรรมดา แต่เราต้องเอาความจริงมานั่งคุยกัน ไม่มีการเมือง ไม่มีเอื้อประโยชน์" นายมณฑล กล่าว