นอกจากนี้ ยังพบว่า ผู้ใช้บริการ Free WiFi กว่า 50% รู้สึกพอใจในบริการดังกล่าว โดยเฉพาะคนที่อยู่นอกเขตเทศบาลที่มีความพอใจเป็นอย่างมาก และคนไทยเริ่มหันมาพึ่งพาการใช้เน็ตศูนย์ไอซีทีชุมชน และคนไทยอีก 55% ยังนิยมใช้เน็ตผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ เช่น โน้ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตพีซี เนื่องจากตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนไทยในปัจจุบันที่ต้องการออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา
ขณะเดียวกันผลสำรวจยังชี้ว่า กลุ่มเด็กและเยาวชนชอบเล่นอินเตอร์เน็ตในช่วงเวลาหลังเลิกเรียนจนถึงค่ำ ส่วนใหญ่ใช้เพื่อความบันเทิง ทั้งเล่นเกมออนไลน์และดาวน์โหลดสื่อบันเทิง ยิ่งไปกว่านั้นยังนิยมไปใช้บริการกันตามร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ดังนั้นผู้ปกครองต้องให้ความใส่ใจกับบุตรหลานว่ามีการใช้อินเตอร์เน็ตอย่างถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการกำหนดมาตรการดูแลการใช้อินเตอร์เน็ตในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ด้วย
ผลสำรวจยังชี้ว่า 90% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตนิยมใช้โซเชียลมีเดีย และส่วนใหญ่เล่นผ่านสมาร์โฟน โดย Facebook และเกือบครึ่งของผู้ใช้โซเชียลมีเดียจะเคยซื้อสินค้าและบริการผ่านโซเชียลมีเดีย โดยผู้ชายจะซื้ออุปกรณ์ไอที ขณะที่ผู้หญิงจะซื้อเสื้อผ้าและเครื่องสำอาง มีมูลค่าการซื้อสินค้าโดยเฉลี่ยต่อครั้งกว่า 2,500 บาท
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที กล่าวว่า จากการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเตอร์เน็ตปี 56 กว่า 23,907 คนทั่วประเทศที่เข้ามาตอบแบบสอบถาม พบว่า อัตราการใช้บริการอินเตอร์เน็ตมีตัวเลขเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ต โดยในเด็กและเยาวชนก็จะใช้ในช่วงเวลาเลิกเรียนจนถึงหัวค่ำ ซึ่งจะเป็นข้อมูลในการช่วยให้ผู้ปกครองให้ความสนใจแก่บุตรหลานมากขึ้น ส่วนเรื่องการกำกับดูแลตรวจสอบนั้นเป็นหน้าที่ของกระทรวงฯ ที่จะดูแลควบคุมให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่การกำกับดูแลการใช้อินเตอร์เน็ตของเด็กและเยาวชนนั้นขึ้นอยู่กับผู้ปกครอง
สำหรับโครงการ Free WiFi การเปิดให้ใช้บริการตามจุดต่างๆ นั้น ที่ผ่านมาพบปัญหาในเรื่องของความพึงพอใจที่เป็นเรื่องของความเร็วที่ค่อนข้างจำกัด โดยวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าวนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ให้มีการแข่งขันในเชิงพาณิชย์ แต่เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงโซเชียลเน็ตเวิร์คเท่านั้น
ปัจจุบันโครงการ Free WiFi มีผู้เข้าใช้จำนวน 1.6 ล้านคน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูง และจะมีการเพิ่มจุดบริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนจากทาง กสทช. คาดว่าจะขยายไปในอนาคตได้และจะครอบคลุมกว่า 1 แสนครัวเรือนทั่วประเทศ อย่างไรก็ดีหากมีการขยายเพิ่มจุดบริการมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือภัยอันตรายในรูปแบบต่างๆ ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้งคณะกรรมการความมั่นคงปลอดภัยในโซเชียล เพื่อตรวจสอบเรื่องของความโปร่งใสจากการทำธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ทำธุรกรรมขณะนั้นมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัย นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือไปยังเครือข่ายทั่วโลกให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา เนื่องจากอาชญากร มาจากหลายประเทศทั่วโลก
ทั้งนี้ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์(องค์การมหาชน) ได้สำรวจข้อมูลดังกล่าวทางอินเตอร์เน็ต ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน เม.ย.ถึงสิ้นเดือน พ.ค.56 จากกลุ่มตัวอย่างรวม 23,907 ราย