"เรื่องการอุทธรณ์คำสั่งศาลฯ นั้นได้ให้หน่วยงานต่างๆ ไปจัดทำความเห็นของตัวเอง และส่งให้กับอัยการภายใน 12 ก.ค. หลังจากนี้อัยการจะประมวลความคิดเห็นของอัยการเพื่อจัดส่งรายงานความเห็นอัยการให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อตัดสินพิจารณาว่าจะอุทธรณ์หรือไม่" นายพงศ์เทพ กล่าว
นายพงศ์เทพ ยืนยันว่า ที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอยู่แล้ว แต่เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายและสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลยินดีให้ความร่วมมือกับคำสั่งศาลปกครองกลาง ดังนั้นจะมีกระบวนการลงไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนด้วย รวมทั้งให้เป็นการสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลเพิ่งได้ประกาศเจตนารมย์ในเรื่องการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่น และการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมกับการดำเนินการต่างๆ ของรัฐบาล
ทั้งนี้นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งต่อที่ประชุมครม.ว่า การรณรงค์การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการบริหารจัดการน้ำ คาดว่าจะเริ่มได้ในอีก 7 วันข้างหน้า โดยจะนำรายละเอียดมาเสนอนายกรัฐมนตรีให้พิจารณาถึงแผนการประชาสัมพันธ์ต่างๆ ได้ และในอีก 1-2 สัปดาห์ก็จะมีการจัดกิจกรรมลงไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและภาคเอกชนทั้งในระดับชาติ ระดับภาค และระดับจังหวัด
ส่วนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) และผลกระทบด้านสุขภาพ(HIA)นั้น รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน ซึ่งนายปลอดประสพ แจ้งว่า การทำงานในส่วนของการศึกษาผลกระทบดังกล่าวนี้จะอิงกับข้อกฎหมาย 3 ฉบับ ประกอบด้วย พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม, พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีในเรื่องการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน