ส่วนพนักงานขับรถกำหนดให้ขับชิดช่องซ้ายหรือช่องกลาง พยายามหลีกเลี่ยงการขับช่องขวาหากไม่จำเป็น รวมทั้งจะมีการสร้างจุดพักรถเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถจอดพักได้ นอกจากนี้จะต้องกวดขันให้ผู้โดยสารทุกคนคาดเข็มขัดนิรภัยที่จัดไว้ให้ ขณะที่กรมการขนส่งทางบก จะต้องกลับไปศึกษามาตรฐานสากลเกี่ยวกับการใช้วัสดุในการนำมาประกอบเป็นอุปกรณ์ในตัวรถ เช่น ผ้าม่าน เบาะผ้า สีตัวถังรถ น้ำยาแอร์ สายไฟฟ้า ซึ่งจะต้องเป็นวัสดุกันไฟหรือไม่
"ต้องเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการเกิดไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วภายในตัวรถที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ เกิดจากสาเหตุอะไร เกิดจากเชื้อเพลิงจากถังเชื้อเพลิงเอ็นจีวีของรถบรรทุกคันที่พุ่งชน หรือเกิดจากวัสดุอุปกรณ์ภายในตัวรถโดยสารที่มีอุปกรณ์ที่ติดไฟง่าย โดยให้ได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน" นายชัชชาติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งของอุบัติเหตุเกิดจากผู้ขับรถบรรทุกพ่วงหลับในพุ่งชนรถโดยสาร ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก จะต้องกลับไปทบทวนมาตรการควบคุมผู้ขับรถบรรทุกให้มีความปลอดภัยมากขึ้น โดยอาจจะทบทวนระยะเวลาการต่ออายุใบอนุญาตขับขี่สาธารณะ โดยเฉพาะใบอนุญาตขับขี่รถบรรทุกประเภท ท.3 หรือรถพ่วง และ ท.4 หรือรถอันตรายว่าอาจจะเป็นลักษณะแบบปีต่อปี จากปัจจุบันที่มีการต่อใบอนุญาต 3 ปี รวมทั้งให้ผู้ประกอบการซึ่งเป็นเจ้าของรถบรรทุกจะต้องเข้ามามีส่วนรับผิดชอบกับอุบัติเหตุที่เกิดจากคนขับรถบรรทุกกระทำผิดกฎหมายด้วย
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงกรณีมีงานวิจัยระบุถึงความไม่ปลอดภัยของรถโดยสารแบบ 2 ชั้นนั้น รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้สั่งการให้ ขบ.ไปรวบรวมข้อมูลและผลงานวิจัยเพื่อประกอบการตัดสินใจ หากจำเป็นจะต้องทบทวนนโยบายการใช้รถ 2 ชั้นก็ไม่ขัดข้อง หากมีเหตุผลเรื่องความปลอดภัยที่สามารถอธิบายได้