นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงฯ ร่วมกับ บมจ.
ปตท.(PTT) และ บมจ.
ปตท.โกลบอล เคมิคอล
(PTTGC) เพื่อติดตามสถานการณ์การขจัดคราบ
น้ำมันรั่วไหลบริเวณอ่าวพร้าว
เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ว่า การนำสาร
เคมีขจัดคราบน้ำมันที่ชื่อว่า สลิคกอร์น(slickgone) จำนวน 35,000 ลิตร ขึ้นโปรยลงในอ่าวไทย ด้วยเครื่องบิน C130 และเรือเพื่อควบคุมสถานการณ์การแผ่กระจายของคราบน้ำมันนั้น สารดังกล่าวมีคุณสมบัติเป็นสารลดแรงตึงผิวชนิดเดียวกับสบู่ เพื่อช่วยสลายคราบน้ำมัน ซึ่งมีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล และก่อนที่จะนำสารนี้มาใช้ได้มีการหารือกับกรมเจ้าท่า และกองทัพเรือแล้ว โดยจุดเกิดเหตุเป็นจุดเดียวกับที่มีการซ้อมแผนป้องกันเหตุไปก่อนหน้านี้ เพียงแต่ในวันเกิดเหตุสภาพอากาศเลวร้ายกว่า
สำหรับการรั่วของน้ำมันดิบครั้งนี้ นับเป็นการรั่วในระดับ 2 จาก 3 ระดับ คือ มีปริมาณการรั่วตั้งแต่ 20 ตัน แต่ไม่เกิน 1,000 ตัน แต่เพื่อความปลอดภัย ทาง PTTGC ได้ขอความร่วมมือไปยังองค์กรป้องกันและขจัดน้ำมันรั่วไหล ซึ่งเป็นองค์กรนานาชาติจากสิงคโปร์ที่ PTT เป็นสมาชิกให้เข้าช่วยควบคุมสถานการณ์ดังกล่าว
รมว.พลังงาน กล่าวว่า หลังจากนี้ไปกระทรวงฯ จะแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้านพลังงาน เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้งได้ให้กรมธุรกิจพลังงานไปตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลดังกล่าวด้วย รวมทั้งได้เร่งรัดให้ PTTGC เร่งฟื้นฟูสภาพแวดล้อมบริเวณอ่าวพร้าว อันเนื่องมาจากการปนเปื้อนของคราบน้ำมันในทะเลให้คืนสู่สภาพเดิมโดยเร็ว
อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ/รัชดา โทร.02-2535000 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--