"การช่วยเหลือส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่การใช้กำลังทหารเพื่อขนย้ายคนและสิ่งของหนีน้ำไปยังพื้นที่ปลอดภัย การก่อกระสอบทรายและการสร้างพนังกั้นน้ำ รวมถึงการใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ และเรือในการรับ-ส่งประชาชน" พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าว
สำหรับพื้นที่ที่ระดับน้ำยังคงท่วมสูงและเป็นจุดวิกฤต หน่วยทหารในพื้นที่ได้เข้าช่วยอำนวยความสะดวกในทุกๆ ด้าน ร่วมกับส่วนราชการต่างๆ อาทิ จ.ปราจีนบุรี ระดับน้ำท่วมที่ อ.กบินทร์บุรี อยู่ที่ 70 เซนติเมตร มณฑลทหารบกที่ 12 ส่งกำลังทหาร 200 นาย เข้าช่วยเหลือประชาชนขนย้ายสิ่งของ จัดรถ และเรือบริการรับ-ส่งประชาชน รวมถึงชุดแพทย์จากโรงพยาบาลค่ายจักรพงษ์ออกตรวจสุขภาพ และประสานการรักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลกบินทร์บุรีในการส่งผู้ป่วยจากพื้นที่น้ำท่วมไปรักษาต่อ ซึ่งแนวโน้มการช่วยเหลือจะยังดำรงอยู่ในลักษณะดังกล่าวประมาณ 3-5 วัน ส่วนที่ อ.ศรีมหาโพธิ ระดับน้ำอยู่ที่ 60-70 เซนติเมตร กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ส่งกำลังทหาร 120 นาย เข้าไปช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ทั้งการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และจัดรถบรรทุกรับ-ส่งประชาชน นอกจากนี้ในพื้นที่ อ.เมือง ส่งกำลังทหาร 80 นาย เข้าช่วยวางกระสอบทรายเป็นแนวกั้นน้ำจากแม่น้ำปราจีน ไม่ให้ไหลเข้าท่วมโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ และเขตเทศบาลเมือง
ส่วนที่ จ.ศรีสะเกษ น้ำจากลำห้วยสำราญ ยังคงทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนอย่างต่อเนื่องระดับน้ำสูง 1 เมตร ซึ่งในพื้นที่ อ.เมือง มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 106 ส่งกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย 150 นาย เข้าช่วยประชาชนขนของหนีน้ำตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.56 จนถึงปัจจุบันได้ใช้รถบรรทุกและเรือในการรับ-ส่งประชาชน และแจกจ่ายถุงยังชีพ นอกจากนี้กระแสน้ำได้กัดเซาะเส้นทางหลวงหมายเลข 226 อ.เมือง-อ.อุทุมพรพิสัย ระยะทาง ๕๐๐ เมตร ซึ่งต้องใช้รถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่ของทหารในการรับ-ส่งประชาชน ณ บริเวณนี้
จ.สุรินทร์ ระดับน้ำท่วมสูงตั้งแต่ 0.5-2 เมตร จังหวัดทหารบกสุรินทร์ ส่งกำลังทหาร 300 นาย และรถยนต์บรรทุก ออกบริการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่สำคัญ ได้แก่ ต.เฉนียง และ ต.ตอโค อ.เมือง, อ.สำโรงทาบ โดยที่ผ่านมาได้เข้าช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจาก โรงพยาบาลสุรินทร์, โรงพยาบาลสังขะ, โรงพยาบาลสำโรงทาบ, โรงพยาบาลศีขรภูมิ รวมถึงก่อแนว กระสอบทรายป้องกันน้ำที่โรงพยาบาลสุรินทร์ และโรงพยาบาลสำโรงทาบ
สำหรับศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัยที่สโมรสรนายทหารค่ายวีรวัฒน์โยธิน ยังคงมีประชาชนเข้าพักอาศัยอยู่ 79 คน ส่วนในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล กองทัพภาคที่ 1 ได้ส่งชุดประเมินภัยพิบัติเข้าประเมินสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาตามชุมชนริมน้ำต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อแจ้งเตือนและให้การช่วยเหลือทันทีหากเกิดภาวะน้ำล้นตลิ่ง รวมทั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบกได้แจ้งเตือนหน่วยทหารในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ให้พร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมในช่วง 25-29 ก.ย.นี้ ซึ่งอาจเกิดฝนตกต่อเนื่องจากอิทธิพลร่องมรสุมที่จะพัดผ่านประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าวอีกด้วย