เนื่องจากยังคงมีฝนตกบริเวณเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากอิทธิพลร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เป็นเหตุให้มีปริมาณน้ำท่าไหลลงอ่างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อย่างต่อเนื่องนั้น
ปัจจุบัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2556 เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำ 839 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 107 ของความจุเก็บกัก(785 ล้านลูกบาศก์เมตร) แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังพายุโซนร้อน "หวู่ติ๊บ (Wutip)" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนที่กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ที่คาดว่าจะเข้าฝั่งเวียดนามตอนบนในวันพรุ่งนี้(1 ต.ค.) ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา
ส่งผลให้กรมชลประทาน จำเป็นต้องเพิ่มการพร่องน้ำจากเขื่อนป่าสักเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ให้เกิดผลกระทบด้านท้ายน้ำในทันทีทันใด ในเกณฑ์ประมาณ 350 — 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งปัจจุบันได้พร่องน้ำอยู่ในเกณฑ์ 350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจะควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ในเกณฑ์ประมาณ 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลักษณะดังกล่าว จะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก ด้านท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพิ่มขึ้นจากวันที่ 29 ก.ย. อีกประมาณ 65 เซนติเมตร ในท้องที่จังหวัดสระบุรี ส่วนด้านท้ายเขื่อนพระรามหก ในเขตอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นประมาณ 0.90 — 1.10 เมตร จากระดับน้ำปัจจุบัน