ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน ระบุว่า ปัจจุบันได้มีการพร่องน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในเกณฑ์ประมาณ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ในเกณฑ์ประมาณ 550 - 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลักษณะดังกล่าวจะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก ด้านท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนพระรามหก เพิ่มสูงขึ้นอีก ซึ่งการพร่องน้ำในครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เศรษฐกิจหลัก ในเขตอำเภอท่าเรือ นครหลวง พระนครศรีอยุธยา บางปะอิน และบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้วย จะมีเพียงน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำป่าสักบางแห่ง ที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำเท่านั้น
ล่าสุด(1 ต.ค. 56) เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำ 837 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 107 ของความจุเก็บกัก(785 ล้านลูกบาศก์เมตร) ซี่งกรมชลประทาน ได้มีการพร่องน้ำออกจากเขื่อนป่าสักฯ เป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ให้เกิดผลกระทบด้านท้ายน้ำในทันทีทันใด