จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ประชาชนคิดว่าใครหรือหน่วยงานใดที่ควรเข้ามาช่วยเหลือ อันดับ 1 ฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี 52.11% อันดับ 2 หน่วยงานต่างๆของรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข คมนาคม ทหารตำรวจ 16.58% อันดับ 3 ประชาชนทุกคนโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีน้ำท่วม 11.84% อันดับ 4 หน่วยงานเอกชน ภาคธุรกิจ สถานประกอบการ 10.79% และอันดับ 5 ผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานในท้องถิ่น เทศบาล อบต. อบจ. 8.68%
เมื่อสอบถามถึงความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมว่าประชาชนกลัวว่าจะกลายเป็นน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554 ที่ผ่านมาหรือไม่นั้น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 64.95% วิตกกังวล เพราะจากข่าวต่างๆ ที่นำเสนอจะเห็นได้ว่ามีหลายจังหวัดที่เคยถูกน้ำท่วมก็กำลังประสบหาอย่างหนักในขณะนี้ อีกทั้งในช่วงนี้ยังมีฝนตกหนักอยู่ทั่วประเทศ ระดับน้ำในแม่น้ำ ลำคลองน่าเป็นห่วง ฯลฯ ขณะที่ประชาชนอีก 35.05% ไม่วิตกกังวล เพราะเคยมีบทเรียนจากน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา ภาครัฐน่าจะมีมาตรการป้องกันที่ดีขึ้น คิดว่าปี 54 ที่ผ่านมาน่าจะหนักที่สุดแล้ว ฯลฯ
จากสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงนี้ ส่งผลต่อความนิยมของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลอย่างไรนั้น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 56.89% ระบุว่า ทำให้ความนิยมต่อรัฐบาลลดลง เพราะแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เอาจริงเอาจังในการแก้ปัญหาของรัฐบาล เมื่อประชาชนได้รับความเดือดร้อนก็จะส่งผลให้เกิดความไม่พึงพอใจ และความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลก็จะลดลง ฯลฯ
ขณะที่ประชาชน 33.92% ระบุว่าไม่กระทบต่อความนิยมของรัฐบาล เพราะน้ำท่วมเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นภัยธรรมชาติที่มีขึ้นทุกปี ยังมีผลงานอื่นๆ ที่รัฐบาลสามารถทำได้และทำตามนโยบายที่พูดไว้กับประชาชน ฯลฯ โดยมีเพียง 9.19 % ที่มองว่าจะทำให้ความนิยมต่อรัฐบาลเพิ่มขึ้น เพราะรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาและให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่จากบทเรียนที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายมีการเตรียมพร้อมที่ดีขึ้น ฯลฯ
จากสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงนี้มีผลทำให้ประชาชนให้ความสำคัญและเห็นด้วยกับโครงการบริหารจัดการน้ำที่รัฐบาลจะลงทุน 3.5 แสนล้านบาทหรือไม่นั้น พบว่าประชาชนที่ตอบเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน โดยประชาชน 38.95% ตอบว่าเห็นด้วยและควรเร่งดำเนินการ เพราะเป็นโครงการที่ดี เชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ เป็นการแก้ปัญหาระยะยาว เชื่อมั่นในทีมงานเนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญและเป็นผู้มีความรู้ความสามารถหลายคน ฯลฯ
ขณะที่ประชาชน 36.49% ตอบว่าไม่เห็นด้วยที่จะเร่งดำเนินการ เพราะควรพิจารณาศึกษาผลดี ผลเสียอย่างละเอียดรอบคอบ ต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล เป็นช่องทางในการทุจริตคอรัปชั่น สถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่แน่นอนในช่วงนี้อาจส่งผลต่อการดำเนินโครงการ ฯลฯ ส่วนประชาชนอีก 24.56% ตอบว่าเฉยๆ เพราะรัฐบาลมีโครงการต่างๆที่ต้องดำเนินการอยู่มาก และต้องใช้งบประมาณในการบริหารจัดการเหมือนกัน โครงการนี้เป็นโครงการสำคัญที่มีหลายฝ่ายให้ความสนใจและจับตามอง โดยเฉพาะสื่อมวลชนจะเป็นผู้ตรวจสอบและนำเสนอข่าวให้ประชาชนได้ทราบเอง
อนึ่ง ผลการสำรวจดังกล่าวมาจากความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,454 คน ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 29 กันยายน - 3 ตุลาคม 2556