ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ 24 จังหวัด 172 อำเภอ 1,050 ตำบล 8,020 หมู่บ้าน 546,959 ครัวเรือน 2,002,122 คน อพยพ 4,416 ครัวเรือน 15,254 คน (จ.อุบลฯ/จ.ศรีสะเกษ) คลี่คลายแล้ว 9 จังหวัด (กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร กาฬสินธุ์ นครราชสีมา พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำปาง มุกดาหาร)
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวถึงสถานการณ์การณ์อุทกภัยในพื้นที่หลายจังหวัด ว่า ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยได้คลี่คลายลงเป็นอย่างมาก จาก 33 จังหวัดเหลือ 24 จังหวัด โดยแบ่งออกเป็น 2 ปะเภท คือน้ำท่วมที่เกิดจากน้ำหลาก 20 จังหวัดและน้ำท่วมที่เกิดน้ำทุ่ง 4 จังหวัด ซึ่งในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมต่างๆไม่มีน้ำท่วมขัง และขณะนี้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 30 รายซึ่งเกิดจากสาเหตุการจมน้ำ ระหว่างการประกอบอาชีพ และยืนยันว่าไม่มีการเสียชีวิตจากการถูกไฟฟ้าช็อต เนื่องจากได้มีการตัดไฟเพื่อความปลอดภัยของประชาชน นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการประกาศห้ามไม่ให้ประชาชนเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นอันตรายและเป็นจุดเสี่ยง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้สั่งการใน 2 เรื่อง คือ 1. ต้องให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับประชาชนว่าพื้นที่ใดเป็นจุดเสี่ยง เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและนักท่องเที่ยว 2. ให้เร่งบรรเทาปัญหาอุทกภัยที่ส่งผลต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยสั่งการให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่
ส่วนการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทุกภัยนั้น นายฉัตรชัย กล่าวว่า มีการแจ้งเตือนและอพยพรวมถึงเมื่อมีการอพยพแล้วจะมีการดูแลด้านอาชีพและบริหารภาวะอารมณ์ของผู้ประสบภัย ซึ่งขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการสำรวจข้อมูลกลุ่มเปราะบาง เช่น คนชรา คนพิการ ซึ่งจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการอพยพ และมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและนักจิตวิทยา มาดูแลคนที่มีความเครียด รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจลาดตระเวนในพื้นที่ค่อยดูแลรักษาความปลอดภัย
ขณะที่ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการประเมินจากทางราชการอย่างเป็นธรรม โดยการช่วยเหลือเยียวยาต่อบ้านเรือนจะไม่เกินหลังละ 33,000 บาท กรณีที่มีผู้เสียชีวิตจะมีการสงเคราะห์ค่าทำศพรายละ 25,000 บาท แต่หากเป็นหัวหน้าครอบครัวจะช่วยสงเคราะห์รายละ 50,000 บาท
ขณะที่พื้นที่ทำเกษตรกรรม จะสำรวจหลังจากที่สถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายแล้ว โดยจะตั้งคณะกรรมร่วมในระดับท้องถิ่น และผู้เสียหายร่วมกันประเมิน ทั้งนี้ได้มีการสั่งการให้ทำข้อมูลความเสียหายทั้งหมดโดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เห็นชอบให้แต่ละพื้นที่ใช้เงินทดรองราชการไปก่อนที่จะมีการอนุมัติเงินงบประมาณ และหากไม่เพียงพอก็สามารถขอเพิ่มวงเงินได้