ความเสียหาย พื้นที่เกษตร 3,254,417 ไร่ ถนน 5,635 สาย สะพาน 299 แห่ง ท่อระบายน้ำ 521 แห่ง ฝาย/ทำนบ 521 แห่ง น้ำท่วมบ้านเรือน 20,542 หลัง โรงเรียน 260 โรง วัด 442 แห่ง สถานที่ราชการ 61 แห่ง
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ 29 จังหวัด 166 อำเภอ 1,033 ตำบล 7,760 หมู่บ้าน 499,761 ครัวเรือน 1,792,519 คน อพยพ 3,686 ครัวเรือน 10,868 คน แยกเป็นจังหวัดระดับความรุนแรง 3 จังหวัด (สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา) ปานกลาง 15 จังหวัด (บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ ชัยภูมิ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ชลบุรี นครสวรรค์ ชัยนาท นครนายก ราชบุรี ปทุมธานี) เล็กน้อย 11 จังหวัด (ลพบุรี ขอนแก่น ระยอง จันทบุรี กาญจนบุรี สระบุรี ยโสธร พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ สมุทรปราการ)
สำหรับการช่วยเหลือ ทางกรมชลประทาน ได้มีการพร่องน้ำออกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ให้เกิด ผลกระทบด้านท้ายน้ำในทันที่ทันใดนั้น ปัจจุบันได้มีการพร่องน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในเกณฑประมาณ 400 และ ควบคุมปริมาณน้ำให้ไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ในเกณฑประมาณ 550-600 ลบ.ม.ต่อวินาที
ลักษณะดังกล่าว จะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักด้านท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนพระรามหก เพิ่มสูงขึ้นอีก ซึ่งการพรองน้ำในครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เศรษฐกิจหลัก ในเขตอำเภอท่าเรือ นครหลวง พระนครศรีอยุธยา บางปะอิน และ บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้วย จะมีเพียงน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำป่าสักบางแห่งที่อยูนอกแนวคันกั้นน้ำเท่านั้น