ทั้งนี้ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล มีพื้นที่รับผิดชอบ 266,300 ไร่ ครอบคลุมในเขตอำเภอบางเลน นครชัยศรี และ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม รวม 129,000 ไร่ อำเภอไทรน้อยอำเภอบางบัวทอง อำเภอบางใหญ่และอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี รวม 137, 300 ไร่ โดยแบ่งเป็นพื้นที่ชลประทานจำนวน 199,000 ไร่ ประกอบด้วย นาข้าว 151,300 ไร่ พืชไร่ 1,630 ไร่ ไม้ผล/ไม้ยืนต้น 38,250 ไร่ ปศุสัตว์ 470 ไร่ ประมง 7,350 ไร่
สำหรับแผนการก่อสร้างสถานีสูบน้ำคลองโยง 2 จะติดตั้งเครื่องสูบน้ำด้วยไฟฟ้าถาวรขนาด 3 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที จำนวน 6 เครื่อง มีประสิทธิภาพการสูบน้ำ 18 ลบ.ม./วินาที เมื่อรวมกับสถานีสูบน้ำถาวรเดิมที่มีอยู่ จะมีประสิทธิภาพการระบายน้ำได้ 42 ลบ.ม./วินาที หรือ 3.63 ล้าน ลบ.ม./วัน พร้อมทั้งได้ยกเลิกสถานีสูบน้ำกึ่งถาวร ซึ่งกีดขวางบานประตูระบายน้ำขนาด 6.00 เมตร จำนวน 2 ช่อง ซึ่งจะทำให้ เพิ่มประสิทธิภาพประตูระบายน้ำดังกล่าว ให้สามารถบริหารจัดการน้ำได้เต็มศักยภาพ ขณะที่สถานีสูบน้ำมหาสวัสดิ์ 2 จะติดตั้งเครื่องสูบน้ำด้วยไฟฟ้าถาวรขนาด 3 ลบ.ม./วินาที จำนวน 12 เครื่อง มีประสิทธิภาพการสูบน้ำ 36 ลบ.ม./วินาที เมื่อรวมกับสถานีสูบน้ำถาวรเดิมที่มีอยู่ จะมีประสิทธิภาพการระบายน้ำได้ 72 ลบ.ม./วินาที หรือ 6.22 ล้าน ลบ./วัน
ด้านนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า คลองโยงและคลองมหาสวัสดิ์ เป็นคลองแนวตะวันออก-ตะวันตกเชื่อมระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำท่าจีน ซึ่งรับน้ำจากคลองต่างๆในแนวเหนือ- ใต้ จากพื้นที่ตอนบน หากคลองทั้งสองระบายน้ำออกแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีนไม่ทัน จะเกิดผลกระทบต่อพื้นที่เศรษฐกิจ และชุมชน ในเขตจังหวัดนนทบุรี สมุทรสาคร นครปฐม และกรุงเทพมหานคร
ดังนั้น การก่อสร้างสถานีสูบน้ำคลองโยง 2 และสถานีสูบน้ำมหาสวัสดิ์ 2 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำในเขตพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากสถานีสูบน้ำทั้งสองแห่งมีปริมาณการระบายน้ำรวม ร้อยละ 40 ของปริมาณการสูบน้ำออกแม่น้ำท่าจีนทั้งหมด