อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าเป็นห่วงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.)ที่นัดปิดกรุงเทพฯว่าจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยวของประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลยินดีอำนวยความสะดวกให้กับผู้ชุมนุม แต่ขอร้องอย่าปิดการจราจร โดยขอให้มีการเปิดเส้นทางสำหรับสัญจร รวมถึงไม่ปิดสถานที่ราชการ หรือตัดน้ำตัดไฟสถานที่ราชการ ส่วนการตัดน้ำตัดไฟบ้านพักของตนเอง ถือว่าไม่ได้ช่วยอะไร เพราะรัฐบาลก็ยังคงทำงานต่อไปได้ โดยส่วนตัวก็ได้ติดตามความเคลื่อนไหวการชุมนุมโดยตลอด
พร้อมทั้งขอความร่วมมือให้ทุกฝ่ายหันมาพูดคุยกันบนเวทีสภาปฏิรูปประเทศเพื่อหาทางออก โดยเวทีสภาปฏิรูปฯเป็นเวทีกลาง ที่ไม่ใช่เวทีของรัฐบาล และย้ำว่าการเดินสายพบสื่อมวลชนนั้น เป็นการชี้แจงและรับฟังความเห็นไม่ใช่เป็นการโน้มน้าวสื่อให้เข้าข้างแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน 14 กองร้อย รวม 2,250 นาย จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 12 กองร้อย สนธิกำลังกับฝ่ายทหารบกและทหารเรือ 2 กองร้อยเข้ามาร่วมรักษาความปลอดภัยโดยรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ
พ.ต.อ.นพดล ศรสำราญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง เป็นผู้รายงานและต้อนรับ พร้อมให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีในการปฏิบัติหน้าที่รักษาประชาธิปไตยให้คงไว้ และส่งเสียงตะโกนนายกฯ สู้ๆ