นายประสาท พงษ์ศิวาไพร กรรมการ ป.ป.ช.แถลงผลการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าด้วยการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและกรณีร้องขอให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง กรณีเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในประเด็นเกี่ยวกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภา โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ว่ามีกลุ่ม ส.ส.และ ส.ว.ที่ร่วมเสนอร่างรัฐธรรมนูญ และร่วมประชุมพิจารณาและลงมติในวาระที่ 1 วาระ ที่ 2 และ วาระที่ 3 จำนวน 293 คน ซึ่งรวมกรณีที่มีการเสียบบัตรแทนกันด้วย
ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่ม ส.ส.และ ส.ว.ที่ร่วมประชุมพิจารณาและลงมติให้ความเห็นชอบในวาระที่ 1 หรือ วาระที่ 2 หรือ วาระที่ 3 จำนวน 15 คน ซึ่งรวมทั้งสิ้นมีจำนวนที่คณะกรรมการป.ป.ช. มีการแจ้งข้อกล่าวหา จำนวน 308 คน
ทั้งนี้ ป.ป.ช.ได้นัดหมายให้บุคคลทั้งหมดมีการเข้ามาชี้แจงข้อกล่าวหาในวันที่ 15-17 ม.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการชี้แจงด้วยลายลักษณ์อักษร หรือ ด้วยวาจาก็ได้
นายประสาท กล่าวว่า เหตุผลที่ ป.ป.ช.มีการชี้มูล ส.ส.-ส.ว.ทั้ง 308 คน เนื่องจากพบพยานหลักฐานว่ามีการปลอมแปลงเอกสาร ซึ่งเป็นการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก่อนบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม
ด้านนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมป.ป.ช. มีมติคะแนนเสียงข้างมาก 7:2 ระบุว่า มีกลุ่มสมาชิกส.ส.หรือ ส.ว.ไม่ได้ร่วมเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จำนวน 65 คน ไม่ปรากฎพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดชัดเจนเพียงพอ และเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส. และส.ว. ในการแสดงความคิดเห็นหรือออกเสียงลงคะแนนตามมาตรา 130 ของรัฐธรรมนูญ จึงเห็นว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูลและให้ข้อกล่าวหาดังกล่าวตกไป ซึ่งใน 65 คนนี้ รวมน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีอยู่ด้วย
นอกจากนี้ ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ พบว่า มีส.ส.-ส.ว.ไม่ได้ร่วมลงมติในวาระ 1 วาระ 2 วาระ 3 จำนวน 8 คน
นายวิชา ยืนยันว่า ขั้นตอนการพิจารณาของ ป.ป.ช.จะไม่เกี่ยวโยงกับการเลือกตั้ง โดยไม่สามารถระบุได้ว่าจะสามารถดำเนินการชี้มูลให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือนได้หรือไม่
"ไม่สามารถประเมินได้ แต่ยืนยันว่า ป.ป.ช.จะให้ความเป็นธรรมและเปิดโอกาสให้มีการชี้แจงข้อกล่าวหาอย่างละเอียด เพราะถ้าไม่เป็นธรรม เราคงจะเหมาเข่งไปหมดแล้ว" นายวิชา กล่าว