เนื่องจากสถานการณ์น้ำในขณะนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เนื่องจากปริมาณน้ำใน 2 เขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ เหลือน้ำที่จะใช้ในแผนใช้น้ำฤดูแล้งเพียง 2 พันกว่าล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น จากปริมาณน้ำใช้การที่เหลืออยู่โดยประมาณ 5 พันล้านลูกบาศก์เมตร โดยน้ำส่วนนี้จะต้องใช้สนับสนุนกิจกรรมทุกอย่าง ทั้งการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศน์ เพื่อการเกษตรอละอุตวาหกรรม ในระยะเวลาอีก 3 เดือนข้างหน้าหรือจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งต้องบริหารอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้กระทบกับกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ยืนยันชัดเจนว่าปริมาณน้ำในลุ่มเจ้าพระยานั้นไม่เพียงพอที่เกษตรกรจะปลูกข้าวนาปรังครั้งที่สองได้อย่างแน่นอน ดังนั้น การที่เสนอเข้าครม.ครั้งนี้ก็เพื่อให้มีการประกาศและมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าหากเกษตรกรมีการปลูกข้าวนาปรังรอบสองหรือตั้งแต่ 1 ก.พ.57 ก็จะไม่ได้รับสิทธิ์ในการช่วยเหลือหรือเข้าโครงการจากภาครัฐ แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดจะประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้งก็ตาม
ด้านนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กรมชลประทานได้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่สถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งก็พบว่าปริมาณน้ำที่ปล่อยลงมาเพื่อผลักดันน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยายังไม่เพียงพอ ทำให้ค่าความเค็มของน้ำยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติถึง 0.5 กรัมลิตร จึงได้ดำเนินการผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองเพื่อไล่น้ำเค็มเพิ่มเติม ซึ่งทางกรมชลประทานจะต้องเฝ้าระวังและบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้กระทบต่อน้ำปะปาในพื้นที่นนทบุรี ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร