นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ในแต่ละเดือน กปน. จะต้องเฝ้าระวังโดยเฉพาะช่วงขึ้น 8 ค่ำ และ แรม 8 ค่ำ ซึ่งจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลจะหนุนสูง และส่งผลกระทบต่อการยกตัวของน้ำเค็มเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง กปน. จะมีการปรับวิธีการบริหารจัดการน้ำใหม่ โดยหยุดการสูบน้ำดิบเข้าคลองประปา ในช่วงที่ค่าคลอไรด์สูง และรอจนกว่าลิ่มความเค็มจะลดต่ำลงจึงจะทำการสูบน้ำดิบตามปกติ และยกระดับน้ำในคลองประปาให้สูงขึ้น เพื่อสำรองน้ำดิบที่มีค่าความเค็มอยู่ในเกณฑ์นำมาผลิตน้ำประปาให้ได้มากที่สุด
แต่หากลิ่มความเค็มไม่ลดลง กปน. จำเป็นต้องผลิตน้ำประปาที่มีค่าคลอไรด์สูง เพื่อให้ประชาชน 10 ล้านคน ไม่ขาดแคลนน้ำประปาเพื่อการอุปโภค อย่างไรก็ตาม กปน. ยังคงรักษาคุณภาพน้ำประปา ตามเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ยกเว้นรสชาติ ที่บางช่วงเวลาในแต่ละวัน น้ำประปาอาจมีรสชาติเปลี่ยนไป ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่อาจทำให้เกิดความรู้สึกกระหายน้ำ คอแห้ง ปากแห้ง นายวิสุทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ฤดูแล้งปีนี้อาจยาวนานไปถึงเดือนมิถุนายน เป็นไปได้ว่าอาจส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการน้ำของ กปน. แต่ผู้บริหารและพนักงานทุกคนจะช่วยกันแก้ไขปัญหา และลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ กปน. จะมีการแจ้งข้อมูลข่าวสารให้ทราบเป็นระยะๆ จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ