6.การชัตดาวน์กรุงเทพฯ สร้างความเดือดร้อนและทำลายธุรกิจจน กปปส.ต้องชัตดาวน์เวทีตนเองไปรวมที่สวนลุม ซึ่งผู้ว่าฯ กทม.คงจะดูแลอย่างดี 7.นายทุนเห็นว่าเริ่มชุมนุมยื้ดเยื้อ ท่อน้ำเลี้ยงเริ่มตีบตันราวกับท่อประปาในหน้าแล้ง 8.ผู้ชุมนุมเริ่มลดลง เพราะการชุมนุมยืดเยื้อและเริ่มรู้ว่าสิ่งที่เรียกร้องไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและหลักการประชาธิปไตย แม้แต่ฝ่ายทหารก็บอกว่า ทุกฝ่ายต้องทำตามกฎหมายและสันติวิธี 9.การปิดหน่วยงานของรัฐ หรือธุรกิจของฝ่ายตรงข้าม มีผลตีกลับในทางลบ เพราะคนไม่ชอบการใช้ความรุนแรงและข่มขืนใจบุคคลอื่น ทำให้นักลงทุนต่างชาติขยาดที่จะลงทุนเพิ่ม และ 10.วิธีการคุกคามโดยเป่านกหวีดใส่หน้าคนอื่น การปิดล้อมบีบบังคับให้ข้าราชการออกจากที่ทำงาน การคุกคามขัดขวางการเลือกตั้ง เป็นการใช้ความรุนแรงและทำลายวัฒนธรรมอันดีงามของไทย คนไทยจึงรับไม่ได้
"รัฐบาลเหมือนรถไฟที่วิ่งบนรางทำตามกฎกติกา กปปส.จึงไม่สามารถทำให้รถไฟตกรางได้ จะต้องขึ้นมาร่วมขบวนรถไฟ พูดคุยกันบนรางภายใต้กรอบกติกา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ไม่ควรตั้งเงื่อนไขในการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี เพราะ กปปส.มีหน้าที่ยุติความขัดแย้งโดยการเจรจาอย่างสันติวิธี คืนประเทศไทยให้คนไทย เพื่อเดินหน้าเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ตนยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และบุคคลที่เกี่ยวข้อง มีอำนาจพูดคุยเจรจาได้ในทุกเรื่อง ส่วนนายสุเทพควรมีหนังสือมอบอำนาจมาด้วย เพื่อยืนยันว่าตนเองมีอำนาจเจรจา"นายนพดล กล่าว