นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อติดตามความคืบหน้างานที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติไว้ และติดตามการบูรณาการยุทธศาสตร์จังหวัด รวมถึงปัญหาเร่งด่วนเรื่องปัญหาภัยแล้ง เพื่อรับทราบและแก้ปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภาคที่สามารถช่วยผลักดัน GDP ของประเทศให้เติบโตถ้าสามารถลดความเหลื่อมล้ำ ลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการจัดทำตัวชี้วัดข้อมูลด้านต่างๆ รวมถึงสภาพปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ เพื่อนำมาเป็นสถิติในการทำงาน และขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามงานที่ได้สั่งการไว้จากการลงพื้นที่ โดยให้รายงานความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรคให้ส่วนกลางได้รับทราบเพื่อจะดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังรับฟังการบรรยายสรุป นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.)บูรณาการฐานข้อมูลทั้งหมดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปสถานการณ์ภัยแล้ง และการพื้นที่เพาะปลูกพืชเกษตรทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน และขอให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เป็นหน่วยงานหลักในการสำรวจพื้นที่เพื่อนำมาจัดทำเกษตรโซนนิ่ง ให้สอดคล้องและเหมาะสมกับจำนวนปริมาณน้ำ และมอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลขุดเจาะน้ำในพื้นที่ที่มีปัญหา เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำไม่เพียงพอต่อการเกษตร รวมถึงมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงสถานการณ์น้ำ พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการปลูกพืชที่เหมาะกับพื้นที่ เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยติดตามข้อมูลพืชผลทางการเกษตรจากผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัด เพื่อเตรียมช่องทางการจำหน่ายสินค้าลดปัญหาผลผลิตล้นตลาด และแก้ไขปัญหาราคาพืชผลตกต่ำต่อไป