กรณีม๊อบ กปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พบว่า อันดับ 1 ประชาชน 40.99% เห็นว่าในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาล จะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น อันดับ 2 ประชาชน 35.44% เห็นว่า ควรรับฟังข้อเรียกร้องจากประชาชนและนำมาแก้ปัญหาให้ตรงจุด และอันดับ 3 ประชาชน 23.57% รู้สึกเห็นใจที่ถูกกดดัน และโดนม๊อบขับไล่
กรณีคดีจำนำข้าว พบว่า อันดับ 1 ประชาชน 38.12% มองว่า เป็นคดีที่มีการทุจริตอย่างชัดเจน การตัดสินของศาลอาจกระทบต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อันดับ 2 ประชาชน 33.15% มองว่า กระทบต่อคะแนนนิยมในตัวนายกฯ เนื่องจากชาวนาเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ และอันดับ 3 ประชาชน 28.73% เห็นว่านายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ จะต้องชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงต่างๆ ออกมาแสดงความรับผิดชอบ
กรณี พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน พบว่า อันดับ 1 ประชาชน 50.20% มองว่าส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและการทำงานของรัฐบาล สร้างหนี้ให้กับประเทศ อันดับ 2 ประชาชน 26.46% มองว่า การลงทุนหยุดชะงัก ประเทศต่างๆที่จะเข้ามาลงทุนต้องถอนตัวออกไป และอันดับ 3 ประชาชน 23.34% มองว่าทำให้ไม่สามารถทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ได้ นายกฯ ต้องตอบคำถามมากขึ้น
กรณีคดีนายถวิล เปลี่ยนศรี พบว่า อันดับ 1 ประชาชน 55.93% เห็นว่าเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ เป็นเกมการเมือง อันดับ 2 ประชาชน 25.43% เห็นว่าเป็นอีกหนึ่งคดีที่ทำให้นายกฯต้องถูกตรวจสอบการทำงาน และอันดับ 3 ประชาชน 18.64% เห็นว่าทำให้ความเชื่อมั่นในตัวนายกฯ ลดลงและกระทบต่อความน่าเชื่อถือ
กรณีคดีเลือกตั้ง 2 ก.พ. พบว่า อันดับ 1 ประชาชน 52.60% มองว่าเป็นการประเมินสถานการณ์การเลือกตั้งที่ผิดพลาด ต้องเสียงบประมาณจำนวนมาก อันดับ 2 ประชาชน 26.30% มองว่าส่งผลต่อเสถียรภาพ ความมั่นคงของรัฐบาลและตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี และอันดับ 3 ประชาชน 21.10% มองว่าหากต้องมีการเลือกตั้งใหม่ นายกฯอาจไม่ได้คะแนนนิยมเหมือนที่ผ่านมา
กรณีคดีแก้รัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว. พบว่า อันดับ 1 ประชาชน 43.06% ระบุว่าเป็นเรื่องที่ควรออกมาแสดงความรับผิดชอบ ในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐบาล อันดับ 2 ประชาชน 29.95% มองว่ากระทบต่อความน่าเชื่อถือและความศรัทธาที่มีในตัวนายกฯ และอันดับ 3 ประชาชน 26.99% ทำให้การทำงานหยุดชะงัก ไม่ราบรื่น เนื่องจากมีคดีที่อยู่ระหว่างพิจารณาหลายคดี
กรณีคดีโครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน พบว่า อันดับ 1 ประชาชน 40.94% เห็นว่าเป็นโครงการใหญ่ที่ประสบปัญหาอย่างมาก ทำให้โครงการอื่นๆต้องถูกจับตามองไปด้วย อันดับ 2 ประชาชน 38.60% มองว่าทำให้นายกฯถูกตรวจสอบเรื่องความโปร่งใส เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง และอันดับ 3 ประชาชน 20.46% มองว่าเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้นายกฯต้องบริหารงานอย่างรอบคอบ รัดกุมมากขึ้น
กรณีคดีละเว้นปฏิบัติหน้าที่จนเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 อันดับ 1 ประชาชน 39.00% มองว่าในฐานะที่เป็นนายกฯจะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อันดับ 2 ประชาชน 38.50% มองว่าเป็นคดีสำคัญที่ฝ่ายค้านหยิบยกขึ้นมาเพื่อตรวจสอบการทำงานของนายกฯ และอันดับ 3 ประชาชน 22.50% รู้สึกเห็นใจ เนื่องจากน้ำท่วมเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถควบคุมได้
ส่วนคำถามที่ว่าถ้าประชาชนเป็นนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะทำอย่างไรจากกรณีมรสุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นขณะนี้ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ตอบว่าจะออกมาชี้แจงข้อสงสัยให้สังคมได้รับรู้ พูดคุย ทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากขึ้น รองลงมา จะเรียกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาประชุมเพื่อระดมความคิดเห็น และเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
สำหรับสิ่งที่ประชาชนอยากบอกนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จากกรณีมรสุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นขณะนี้ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่อยากให้ออกมาแสดงถึงความรับผิดชอบในฐานะที่เป็นผู้นำของประเทศ รองลงมา ประชาชนเห็นว่าควรเร่งแก้ปัญหาโดยเร็ว เนื่องจากกระทบต่อความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของนายกฯ
อนึ่ง ผลสำรวจดังกล่าวมาจากความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,318 คน ระหว่างวันที่ 12 - 15 มีนาคม 2557