"วิชา มหาคุณ"ยอมรับปัญหาทุจริตซึมลึกกร่อนชาติไทยและเป็นปัญหาระดับโลก

ข่าวทั่วไป Saturday April 5, 2014 15:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “การทุจริต การเมือง ความอยู่รอดของประเทศ" เนื่องในวันสัญญา ธรรมศักดิ์ ประจำปี 2557 ตอนหนึ่งว่า ตอนเข้ามารับตำแหน่งกรรมการป.ป.ช.ไม่คิดว่ากระบวนการทุจริตจะซึมลึกขนาดชาติจะอยู่รอดหรือไม่รอด แต่พออยู่นานจึงได้ประจักษ์กับตนเองว่า คดีความเกี่ยวกับการทุจริตของประเทศไทยเป็นคดีความที่มีความร้ายแรงที่สุด ไม่อาจที่จะแก้ปัญหาได้ลำพัง เพราะเป็นปัญหาระดับโลก มีคดีความอยู่มากมายที่ตนค้นหาความจริงพบว่า มีสายใยโยงไปนอกประเทศ มีแนวโน้มนำทรัพย์สินออกไป รวมทั้งเชื่อมโยงเครือข่ายอาชญากรรมระหว่างประเทศ ถือว่ารุนแรงที่สุด แต่ละรัฐบาลเท่าที่บริหารกันมาไม่สามารถแก้ได้ ด้วยกฎหมายที่เรามีอยู่ จึงต้องรื้อระบบกฎหมายทั้งระบบ

นายวิชา กล่าวว่า ต่างชาติบอกว่าสาเหตุที่ประเทศไทยตกต่ำที่สุด ต้องอยู่ลำดับตามหลังประเทศฟิลิปปินส์ เพราะการบริหารราชการแผ่นดินกระทำโดยคนที่อยู่ระบบอุปถัมภ์โดยแท้ อุปถัมภ์กันตั้งแต่เริ่มต้น มีการวางคนในตำแหน่งตั้งแต่เริ่มบริหาร แล้วล้วงลูกไปถึงข้าราชการ ฉะนั้น การปฏิรูปไม่ใช่แนวทางของไทยเท่านั้น แต่เป็นแนวทางปฏิรูปของโลกที่เห็นตรงกันว่า ต้องขจัดคนชั่วออกไปจากระบบให้ได้ ไม่มีทางอื่นเด็ดขาด จะมาบอกว่าปล่อยให้เขาเข้ามาเดี๋ยว 4 ปีก็ไป แต่เขาไม่ไป และเขาไม่ยอมลุกออกโดยอันขาด เพราะเขาวางกำลังไว้เสร็จสรรพแล้ว

นายวิชา กล่าวตอนหนึ่ง ถึงโครงการรับจำนำข้าวว่า พระสยามเทวาธิราชมีจริง เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราได้ทำงานวิจัยเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากองค์กรสหประชาชาติ (ยูเอ็น) หรือองค์กรระหว่างประเทศได้บอกว่า ควรสร้างมาตรการป้องกัน หรือใช้ระบบการวิจัยเป็นหลัก เพราะการวิจัยจะชี้ให้เห็นชัดเจน ไม่ได้มั่ว ฉะนั้น โครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริตอย่างไร ลึกซึ้งอย่างไร เราได้ให้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) วิจัยอย่างรอบด้าน และลึกมาก จึงจะสามารถบอกนายกฯว่า หากคุณไม่หยุด คุณมีปัญหาแน่ แล้วไม่ใช่เพิ่งเริ่มทำทำวิจัย เราทำมาตั้งแต่เริ่มต้นรัฐบาลชุดนี้แล้ว และเราได้เตือนด้วย

“กระบวนการอย่างนี้เหมือนพระพุทธศาสนาคือ ในทางวินัยจะต้องเตือนก่อน และเราเตือนคุณแล้ว เพราะงานวิจัยจะบอกว่า ถ้าทำเรื่องนี้จะสูญสิ้นเรื่องกระบวนการผลิตข้าว ชาวนาจะจมปลัก จะไม่มีเงินเนื่องจากเงินต่างๆ จะหมุนเวียนจากงบประมาณแผ่นดินปีละสอง 2 แสนล้านบาทไปอยู่ในกำมือของบริษัท หรือพวกนักธุรกิจที่ได้วางแผนกันไว้ล่วงหน้า และเหลือแค่เศษเสี้ยวให้ชาวนา"นายวิชา กล่าว

นายวิชา กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ชาวนาไม่ได้ปลูกข้าวเพื่อการผลิตและส่งออก แต่ผลิตเพื่อเอาเงิน1.5 หมื่นบาท จะผลิตข้าวที่เลวอย่างไรก็ได้ 1.5 หมื่นบาทหมด ไม่จำเป็นต้องได้พันธุ์ข้าวที่ดี เป็นการกลับหัวกลับหางกับการผลิตในอดีตกาล เนื่องจากในอดีตกาลเราผลิตเพื่อจะได้พันธุ์ข้าวที่ดีที่สุดในโลก ไม่มีพันธุ์ข้าวไหนจะดีเท่ากับประเทศไทยอีกแล้ว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือนักวิชาการด้านนี้ล้วนแล้วแต่มีความเอาใจใส่การผลิตเพื่อการส่งออก แต่ขณะนี้พอรัฐบาลรับซื้อทุกเมล็ด และไม่ใช่รับซื้อหลังจากสีข้าว แต่รับซื้อข้าวเปลือก ถามว่าแล้วจะผลิตเป็นข้าวชนิดไหน รู้หรือไม่ว่าข้าวชนิดดังกล่าวหน้าตาเป็นอย่างไร เป็นข้าวลาว ข้าวเขมร หรือข้าวพม่าดูกันออกหรือไม่ แล้วรู้หรือไม่ตั้งแต่ปี 55 ข้าวได้หายไปจากโกดัง 2 ล้านตัน และข้าวที่มีอยู่เป็นข้าวที่ผลิตมาตั้งแต่ปี 55 ปี 56 หรือ ปี 57 เราไม่มีทางรู้ เพราะคนคิดเขาคิดแล้วว่า จะทำการทุจริตให้ท่านจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน

นายวิชา กล่าวด้วยว่า เรื่องพืชผลการเกษตรไม่สามารถแยกแยะได้เลย ไม่เหมือนการทุจริตอย่างอื่น น่ากลัวที่สุด ชาวนาจะจมปลักอย่างนี้ มาเรียกร้องร้องเงินที่ยังไม่ได้ ระบบคล้ายๆ กับแชร์แม่ชม้อย ตอนนี้รัฐบาลขายข้าวไม่ได้ แล้วจะเอาเงินที่ไปไหนไปจ่ายชาวนา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ชาวนาไม่ต้องทำอะไร เพราะมีคนมารับซื้อนาอย่างเป็นหลักแหล่ง แม้แต่ในอาเซียนก็รู้ว่า คุณสามารถเข้ามาเป็นผู้ดูแลการผลิต รับซื้อแผ่นดิน หรือสวมสิทธิ์ ได้มีการไปสำรวจหรือไม่ว่า ชาวนาจริงๆ เหลือกี่คนที่มีที่นาแล้วทำนา เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ได้พบกับคนจากไต้หวันที่มาเพื่อจะจองที่ในประเทศไทย ซึ่งจะไม่เหลืออะไรแล้ว เราไม่พูดความจริงวันนี้ไม่ได้ เพราะชาติเราจะไม่เหลือ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ