ทั้งนี้ คณะของฝ่ายไทยจะไปชี้แจงและทำความเข้าใจแก่ผู้ให้บริการได้ทราบว่า ปัจจุบันในประเทศไทยมีกลุ่มบุคคลบางคนใช้สื่อออนไลน์ในลักษณะของการฝ่าฝืนกฎหมาย ส่งผลให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย และความแตกแยกในสังคม
"ท่านปลัดไอซีทีได้มอบหมายให้ผู้ช่วยปลัดไปเจรจากับ Google, Facebook ที่สิงคโปร์ ส่วนผมยังดูตามความเหมาะสม เพราะขณะนี้สถานการณ์การใช้สื่อออนไลน์ค่อนข้างจะรุนแรง ผมต้องอยู่ทางนี้คอยควบคุมอยู่" พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า จะพุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้สื่อออนไลน์ทุกประเภททั้ง Facebook, Line, Google, Youtube ซึ่งปัจจุบันมีการโพสต์คลิปวิดีโอผ่านทาง youtube เพื่อปลุกระดมและสร้างความเท็จให้ประชาชนหลงเชื่อไปในทางที่ผิด ทั้งนี้หากจะมีการบล็อก Facebook หรือ Line ในทางเทคนิคแล้วก็สามารถทำได้เองในประเทศไทย แต่จะเป็นการบล็อกระบบโดยรวม ซึ่งไม่สามารถเลือกบล็อกเฉพาะเป็นรายบัญชีหรือรายบุคคลได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปขอความร่วมมือจากผู้ให้บริการในส่วนนี้ที่สิงคโปร์ เพราะไม่มีตัวแทนผู้ให้บริการอยู่ในประเทศไทย
"ด้านเทคนิคเราสามารถทำได้ แต่มันเกิดผลกระทบในวงกว้างมาก และกระทบสิทธิเสรีภาพต่อพี่น้องประชาชนซึ่งตามนโยบายแล้วคงไม่ให้ไปทำเช่นนั้น เราจะเลือกเฉพาะผู้ที่ใช้ช่องทางนี้ไปในการกระทำความผิดเท่านั้น คงต้องไปขอความร่วมมือเขาในการบล็อกรายคน" พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าว
โดยยืนยันว่าเป้าประสงค์หลักของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) คือการดำเนินการให้ประเทศไทยกลับสู่ความสงบโดยเร็วปราศจากการแบ่งฝ่าย แต่เนื่องจาก application ดังกล่าวถูกใช้เป็นช่องทางที่ทำให้สังคมเกิดความแตกยก นโยบายของเราคือไม่เข้าไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลในการติดต่อสื่อสาร ดังนั้นจึงจะต้องส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปหารือเพื่อขอความร่วมมือ และให้ผู้ให้บริการได้เข้าใจว่าปัญหาขณะนี้ส่งผลต่อประเทศไทยอย่างไร เพราะมีการใช้ application ไปฝ่าฝืนทำผิดกฎหมาย ซึ่งคงต้องขอความร่วมมือในการปิดกั้นเฉพาะกลุ่ม หรือเฉพาะบุคคล
อย่างไรก็ดี ทางผู้ให้บริการในต่างประเทศมีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่ให้ความร่วมมือได้ แต่ทางฝ่ายคงจะมีการเจรจาต่อรอง ซึ่งหากไม่ร่วมมือ ทางธุรกิจของเขาอาจได้รับผลกระทบ แต่ยืนยันว่าเราคงไม่ถึงขั้นปิดธุรกิจของเขาในประเทศไทย และยังหวังว่าน่าจะเจรจากันได้รู้เรื่อง เพราะก่อนหน้านี้เคยได้ติดต่อประสานงานกับตัวแทนของ Facebook และ Google ที่สิงคโปร์ไว้แล้ว ซึ่งการจะไปเจรจาในช่วงหลังจากนี้จะไปในลักษณะเป็นทางการ เป็นระดับกระทรวง จึงคิดว่าน้ำหนักการพูดคุยเจรจาน่าจะดีกว่าในอดีตที่ผ่านมา
"คิดว่าน่าจะคุยกันรู้เรื่อง ก่อนหน้านี้ผมติดต่อตัวแทน Facebook และ Google ที่สิงคโปร์ไว้แล้วตั้งแต่สมัยที่ผมยังรับราชการตำรวจ ผมพยายามคุยด้วยตัวเองก่อน คิดว่าต้องติดต่อไปก่อน แล้วค่อยให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงไอซีทีไปดำเนินการต่อ...เขาปฏิเสธได้ แต่เราจะมีมาตรการในส่วนของเรา ซึ่งถ้าเราทำ มันก็จะกระทบต่อธุรกิจของเขา"ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงไอซีที กล่าว
ส่วนกรณีที่เกิดปัญหา Facebook ไม่สามารถใช้งานได้ไปชั่วขณะเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น พล.ต.ต.พิศิษฐ์ ระบุว่า เป็นปัญหาทางเทคนิคของผู้ให้บริการ Facebook เอง ซึ่งทาง Facebook ได้ออกมาแถลงข่าวแล้วว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเกิดปัญหานี้ขึ้นในทั่วโลก ดังนั้นจึงไม่ใช่การที่มีคำสั่งให้ระงับการใช้ Facebook แต่อย่างใด