พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องของการปฏิรูป วันนี้เราอยู่ในระยะที่ 1 ซึ่งได้เน้นให้มีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วน โดยเชิญทั้งผู้ขัดแย้ง ผู้นำทางการเมือง ภาควิชาการ ส่วนภาคประชาสังคม ผู้นำชุมชนเข้ามาหารือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อจะนำไปสู่ระยะที่ 2
ส่วนกรณีการกักขังทางการเมือง วันนี้ปล่อยตัวไปเกือบหมดแล้ว ที่เหลืออยู่นั้นเพราะมีความผิดกฎหมายอื่น ๆ มีหมายเรียกหมายศาลก็ต้องส่งเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อสู้คดี แม้กระทั่งคดีที่ส่งศาลทหาร คสช.ยังให้สามารถประกันตัวสู้คดีได้
"คดีตัวอย่างเช่น ท่านจารุพงศ์ ท่านจักรภพ ซึ่งมีคดีอยู่มากมาย ผมเรียนว่าให้กลับมาเสียเถอะ เราจะดูแลให้เกิดความยุติธรรม ความชอบธรรมที่ท่านต้องการ ในวันนี้ถ้าท่านยังต่อสู้อยู่แบบนี้ ผมว่าคดีท่านจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอาวุธสงคราม เรื่องกฎหมายหมิ่น เดี๋ยวท่านจะเข้าสู่การดำเนินคดีต่อไป เพราะฉะนั้นอย่าไปให้คนเหล่านี้เป็นคนชี้นำประเทศไทยโดยเด็ดขาด ไม่มีเครดิตอยู่แล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
หัวหน้า คสช. กล่าวต่อว่า สำหรับข่าวที่พาดพิงว่าตนได้มีการพูดจากับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในอดีต ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ในระหว่างนั้นที่ผ่านมา 6 เดือน ตนมีบทบาทในการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ปฏิบัติงานเป็นไปตามคำสั่งของรัฐบาลในขณะนั้น ไม่ได้ไปร่วมในขบวนการหรือร่วมคิดร่วมปฏิบัติกับฝ่ายไหนทั้งสิ้น ตนไม่ทำให้กองทัพเสียหายอย่างนั้น อยากให้สื่อต่าง ๆ ระมัดระวังในการเสนอข่าว เพราะสิ่งเหล่านี้จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง
ทั้งนี้สิ่งที่หลายฝ่าย หรือบางฝ่าย ทำไปแล้ว และกำลังจะทำต่อ ตนขอห้ามการจัดงานลักษณะเช่นนี้อีก เช่นการจัดพูดคุยทางการเมือง รับประทานอาหาร เรียกระดมทุน ไม่ว่าจะไปช่วยเหลือใครก็แล้วแต่ ยังไม่ใช่เวลา ถ้ามีการพูดคุยทางการเมือง เดี๋ยวอีกกลุ่มก็จะมา ก็กลับไปสู่แบบเดิมอีก ไปคุยที่บ้านเงียบ ๆไม่ว่า แต่ออกมาจัดข้างนอกไม่ได้ ผิด พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ถ้าทำอีกทุกคนที่เกี่ยวข้องจะถูกเรียกตัวมาดำเนินคดี ฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับโรดแมปกำหนดเวลา ระยะที่ 1 นับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. วันนี้เราดำเนินการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเสร็จสิ้นแล้ว กำลังพิจารณาตรวจสอบแก้ไขโดยผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ และสัปดาห์หน้าจะพิจารณาในคณะ คสช.อีกครั้งหนึ่ง โดยจะดำเนินการให้รวดเร็ว หากแก้ไขปัญหาข้อต่างๆเสร็จ บ้านเมืองสงบเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ขึ้นทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อทรงพระปรมาภิไธย ให้มีผลบังคับใช้ภายในเดือน ก.ค. 2557
ระยะต่อไป หลังจากมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวในเดือน ก.ค. แล้ว น่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 1 เดือน หรือเกินกว่านั้นเล็กน้อย ในการจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ได้ในเดือน ก.ย. 2557 ในส่วนสภาปฏิรูปแห่งชาตินั้น เนื่องจากต้องใช้กระบวนการในการสรรหา เพื่อให้ได้ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้มีประสบการณ์จากทุกภาคส่วน ต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือน นับตั้งแต่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ก็คาดว่าสภาปฏิรูปแห่งชาติ จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ในต้นเดือน ต.ค. 2557
รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวจะกำหนดให้สภาปฏิรูปทำการปฏิรูปในทุกๆ ด้าน โดยสภาปฏิรูปแห่งชาติจะจัดทำข้อเสนอแนะเหล่านั้นต่อคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรให้แล้วเสร็จ เวลาในการปฏิรูประยะที่ 2 คาดจะใช้เวลาประมาณ 10 เดือน มันจะต้องใช้เวลาในการจัดตั้งประมาณ 2 เดือน ทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 12 เดือน
ในส่วนของระยะที่ 3 เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับถาวรมีผลบังคับใช้ ย่อมถือว่าประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขโดยสมบูรณ์ ถึงแม้ว่าคณะรัฐบาลของ คสช.จะต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา แต่ก็ถือว่าเป็นการบริหารประเทศในกรอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเป็นผลมาจากการปฏิรูปประเทศไทยในทุกด้าน และคณะรักษาความสงบเรียบร้อยก็ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ที่จะเกิดในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถาวร เป็นไปโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรม เพื่อจะเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งของระบอบประชาธิปไตยไทยที่สมบูรณ์ เป็นระบบการเมืองที่สร้างสรรค์ มีความเจริญก้าวหน้าให้แก่ประเทศ ไม่ใช่การเมืองที่มีแต่ความขัดแย้งดังเช่นที่ผ่านมา ภายในปี 2558 ทุกอย่างมันน่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2558 จะได้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยสมบูรณ์