อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังเป็นกังวลคือพื้นที่นอกเขตชลประทาน ที่ขณะนี้หลายพื้นที่ประสบความแห้งแล้งเนื่องจากปริมาณฝนที่ตกลงมาน้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยกรมชลประทานจะมีการติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อแจ้งเตือนพื้นที่ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดฝนทิ้งช่วงให้เลื่อนการเพาะปลูกออกไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งจะเป็นการป้องกันผลกระทบผลผลิตที่จะเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ
สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ยังคงมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ ในเกณฑ์น้อย แม้จะเข้าสู่ฤดูฝนมาได้ระยะหนึ่งแล้วก็ตาม โดยเขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 4,163 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 31% ของความจุอ่างฯ เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 3,249 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 34% ของความจุอ่างฯ โดยปริมาณน้ำทั้งอ่างรวมกันมีปริมาณน้ำทั้งสิ้น 7,412 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 32% ของความจุอ่างฯ ซึ่งกรมชลประทานและ กฟผ. ได้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมกับวางแนวทางในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสภาวะฝนที่ตกลงมา โดยไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ทางด้านท้ายเขื่อน พร้อมไปกับการเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด สำหรับสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งหน้านี้อย่างเพียงพอ