"ในปีนี้จำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่มีแนวโน้มสูงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลสำนักระบาดวิทยากรมควบคุมโรค รายงานตั้งแต่ 1 ม.ค.- 6 ก.ค.57 ทั่วประเทศพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 41,196 ราย เสียชีวิต 56 ราย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว โดยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2556 รายงานผู้ป่วยในปีนี้สูงกว่าประมาณ 2-3 เท่าตัว และตลอดปี 2556 มีรายงานผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ 43,866 ราย ดังนั้นหากไม่ดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเข้มแข็งเพียงพอ คาดการณ์ว่าจำนวนผู้ป่วยในเดือนสิงหาคมถึงกันยายนจะมีรายงานผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สูงสุด เดือนละประมาณ 20,000-26,000 ราย" นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ. กล่าว
เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์เอ H1N1 หรือไข้หวัดใหญ่ 2009, สายพันธุ์ H3N2 และสายพันธุ์บี ฟรีแก่ประชาชน 4 กลุ่มที่มีความเสี่ยงเมื่อป่วยแล้วจะมีภาวะแทรกซ้อนอันตรายสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ ได้แก่ ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี และผู้ป่วยโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค ได้แก่ เบาหวาน หลอดเลือดสมอง ไตวาย หอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ และโรคมะเร็งที่อยู่ระหว่างได้รับเคมีบำบัดรวมทั้งหมด 3 ล้านคน และฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ 4 แสนคนรวม 3.4 ล้านคน ซึ่งปีนี้เริ่มฉีดเร็วกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้มีผลในการป้องกันการป่วยก่อนช่วงที่จะมีการระบาดเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-8 ก.ค.57 ฉีดไปแล้วรวม 1,622,866 ราย
ปลัด สธ. กล่าวว่า ได้กำชับให้ทุกจังหวัดเร่งรณรงค์และติดตามประชาชนกลุ่มเสี่ยงและบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนอีกจำนวน 1,777,134 คน ให้ไปรับการฉีดวัคซีนให้ครบทุกคนตามที่กำหนด คือ ภายใน 31 ก.ค. 2557 นี้ รวมทั้งให้ความรู้ประชาชน เพื่อร่วมกันป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีประชาชนอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น โรงเรียน สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ยานพาหนะสาธารณะต่าง ๆ ทั้งรถยนต์โดยสาร เรือ และเครื่องบิน ขอให้ล้างมือบ่อยๆ หากเป็นไข้หวัด ขอให้คาดหน้ากากป้องกันการแพร่กระจายเชื้อตลอดเวลา
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงบางคนยังไม่ไปรับการฉีดวัคซีน เพราะกลัวว่าจะทำให้เกิดอาการข้างเคียงหลังการฉีด จึงขอให้ความมั่นใจว่า วัคซีนที่ฉีดมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นวัคซีนรวมทำจากเชื้อตาย หลังฉีดจะไปกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันเชื้อภายใน 15 วัน ใช้ป้องกันได้ 1 ปี และกระทรวงสาธารณสุขมีระบบการดูแลผู้มารับการฉีดวัคซีนทุกคน โดยเจ้าหน้าที่จะซักประวัติ ตรวจคัดกรอง และให้ความรู้ก่อนการฉีดวัคซีน ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัวจะได้รับการตรวจร่างกายจากแพทย์ก่อน และมีระบบติดตามอาการภายหลังฉีด ซึ่งผลการเฝ้าระวังผู้ที่ฉีดไปแล้วประมาณ 1.6 ล้านราย พบผู้ที่มีอาการข้างเคียงจากวัคซีนน้อยมากเพียง 24 ราย ส่วนใหญ่เป็นอาการที่เกิดทั่วๆไปไม่ร้ายแรง เช่น ปวดบวมบริเวณที่ฉีดไข้ต่ำๆ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย มักเกิดขึ้นภายใน 12 ชั่วโมงและหายเป็นปกติภายใน 1-2 วัน ไม่พบรายใดเกิดผลข้างเคียงรุนแรง จึงขอให้ประชาชนที่อยู่ในกลุ่มที่ต้องฉีดวัคซีนคลายความกังวล และให้ติดต่อรับบริการที่โรงพยาบาลในสังกัดและโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการใกล้บ้าน
ส่วนการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ขอให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงไปรับการฉีดวัคซีนป้องกัน ส่วนประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยง มีวิธีสร้างภูมิต้านทานโรคป้องกันไม่ให้เจ็บป่วย โดยให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละอย่างน้อย 3 วัน ครั้งละอย่างน้อย 30 นาที ล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆ และฝึกนิสัยไม่ใช้มือที่ยังไม่ได้ล้างทำความสะอาดแคะจมูก จับปาก ขยี้ตา เพิ่มการรับประทานผักผลไม้สดให้มากขึ้น หากป่วยเป็นไข้หวัด คือมีอาการไข้ ไอ จาม ปวดเมื่อยตามร่างกาย มีน้ำมูก ให้ใส่หน้ากากป้องกันการเชื้อแพร่สู่คนอื่นและควรหยุดงาน หยุดเรียนและพักรักษาตัวที่บ้านให้หายเป็นปกติแล้ว 1 วัน จึงกลับไปเรียนหรือทำงานตามเดิม หากอาการป่วยไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ขอให้ไปพบแพทย์ หากตรวจพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ จะได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ ซึ่งขณะนี้มีในโรงพยาบาลทุกแห่ง