ทั้งนี้ แม้การระบาดของเชื้อไวรัสอีโบล่ายังไม่มีผลกระทบต่อการเดินทางโดยเครื่องบิน ซึ่งบริษัทฯ มีมาตรการเฝ้าระวัง โดยติดตามทุกสถานการณ์เตรียมพร้อมบุคลากรและอุปกรณ์ต่างๆ ในการรับมือกับสถานการณ์ แต่ขณะนี้ยังไม่มีจุดบินใดที่ต้องเพิ่มมาตรการ เป็นพิเศษ
ด้านนางระวีวรรณ เนตระคเวสนะ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.) กล่าวว่า สนามบินสุวรรณภูมิได้เฝ้าระวังสายการบินที่บินมาจากประเทศเสี่ยงในกลุ่มแอฟริกาซึ่งเป็นต้นตอการระบาดของไวรัสอีโบล่าอย่างเข้มงวด และยืนยันว่าสนามบินสุวรรณภูมิไม่มีสายการบินใดที่บินตรงมาจากกลุ่มประเทศเสี่ยง 3 ประเทศ คือ กินี, เซียร์ราลีโอน และไลบีเรีย แต่มีสายการบินที่บินมาจากทวีปแอฟริกาคือ สายการบินเอธิโอเปีย แอร์ไลน์, เซาท์แอฟริกัน และสายการบินไทย ดังนั้นผู้โดยสารที่เดินทางมาจากกลุ่มประเทศเสี่ยงเมื่อเข้ามาถึงสนามบินจะต้องมีการแสดงเอกสารการฉีดวัคฉีนป้องกันโรคไข้เหลืองต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งการเฝ้าระวังก็เป็นไปตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลกทุกประการ
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ แนะนำให้คนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางไปประเทศที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาออกไปจนกว่าสถานการณ์ระบาดจะคลี่คลาย และติดตามสถานะการระบาดของไวรัสอีโบลาจากองค์การอนามัยโลกทางเว็บไซต์ และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และข่าวที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาด ขอให้ลงทะเบียนการเดินทางรวมถึงเที่ยวบินขาเข้า–ออก รายละเอียดที่พัก และหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ไว้กับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดาการ์ ประเทศเซเนกัล เพื่อติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
สำหรับมาตรการการป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาของประเทศไทย สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและด่านควบคุมโรคท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ติดตามข่าวการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาอย่างต่อเนื่อง โดยมีมาตรการคัดกรองผู้ถือหนังสือเดินทางที่มาจากประเทศที่มีการระบาดของโรคที่ด่านควบคุมโรคทุกรายเพื่อทำแบบสอบถามเกี่ยวกับประวัติการเดินทางและสุขภาพทั่วไปของผู้เดินทางก่อนที่จะให้เดินทางเข้าประเทศ
ทั้งนี้ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังไม่มีมาตรการใช้เครื่องสแกนอุณหภูมิร่างกาย (Thermal Scanner) สำหรับผู้เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยง อย่างไรก็ตาม ด่านควบคุมโรคท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเตรียมความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันทีถ้าหากมีคำสั่ง เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดดังกล่าว