ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกนายสนธิ ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายสนธิ พร้อมพวก คือ นายสุรเดช มุขยางกูร, นางสาวเสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ และ นางสาวยุพิน จันทนา อดีตผู้บริหาร และ กรรมการ บมจ.แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ
สืบเนื่องจากนายสนธิ กับพวก ได้ร่วมกันทำสำเนารายงานการประชุมของกรรมการบริษัทที่เป็นเท็จเพื่อค้ำประกันเงินกู้ให้กับ บมจ.เดอะ เอ็ม กรุ๊ป ที่มีนายสนธิ เป็นผู้ถือหุ้น จำนวน 1,078 ล้านบาทกับธนาคารกรุงไทย โดยไม่ได้รายงานเรื่องดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อลวงให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทแมเนเจอร์ฯ ขาดประโยชน์ที่ควรจะได้รับ รวมทั้งเป็นการลวงให้นักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไม่ได้รับรู้ถึงการค้ำประกันหนี้ดังกล่าว
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายสนธิ และนางเสาวลักษณ์คนละ 85 ปี ส่วนนางสาวยุพิน จำคุก 65 ปี ขณะที่กรณีของนายสุรเดช จำเลยที่ 2 ให้ลงโทษจำคุก 5 ปี แต่จำเลยทั้ง 4 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุกนายสนธิและนางเสาวลักษณ์คนละ 42 ปี 6 เดือน และนางสาวยุพิน จำคุก 32 ปี 6 เดือน ส่วนนายสุรเดชให้ลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน แต่กฎหมายกำหนดให้ลงโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 20 ปี จึงลงโทษจำคุกนายสนธิ, นางเสาวลักษณ์ และ นางสาวยุพิน คนละ 20 ปี แต่ต่อมาจำเลยทั้ง 3 ได้ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำคุกตามศาลชั้นต้น