"เมื่อเย็นวานนี้(1 ก.ย.) กระทรวงสาธารณสุขพบผู้มีอาการเข้าเกณฑ์การสอบสวนโรคอีโบลา 1 ราย นับเป็นรายแรกของประเทศ เป็นผู้เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาด มีอาการไข้ 38.8 องศาเซลเซียล เจ็บคอ มีน้ำมูก ได้รับตัวไว้ดูแลรักษาในห้องแยกโรคของโรงพยาบาลในสังกัด ให้การดูแลตามมาตรฐานสากล แพทย์ได้เจาะเลือดส่งตรวจหาเชื้ออีโบลาครั้งที่ 1 ส่งเลือดตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และคณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ คาดว่าจะทราบผลเบื้องต้นภายในวันนี้ และวางแผนเจาะเลือดครั้งที่ 2 ในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อยืนยันซ้ำ ให้มั่นใจ" นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ขณะนี้ สธ.ได้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วหรือทีมเอสอาร์อาร์ที(SRRT) จากกรมควบคุมโรค และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ออกไปค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้อยู่ในข่ายสอบสวนโรครายนี้ทั้งหมด 16 รายเพื่อนำตัวเข้าสู่ระบบการเฝ้าระวังติดตามอาการในโรงพยาบาล 21 วันตามมาตรฐานที่วางไว้ แม้ว่าทุกรายจะมีอาการปกติ ทั้งนี้ เพื่อจำกัดวงการแพร่ระบาดให้ได้มากที่สุดและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ชุมชน สำหรับการรักษาได้ให้การดูแลรักษาตามอาการเหมือนโรคไข้หวัดใหญ่และโรคติดเชื้อทั่วไปตามมาตรฐานสากล
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดเช้านี้อาการผู้ป่วยดีขึ้น ตรวจวัดสัญญาณชีพและวัดไข้ทุก 4 ชั่วโมง โดยเจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ป่วยทุกคนใส่ชุดป้องกันการติดเชื้อ และเครื่องมือแพทย์ที่ใช้กับผู้ป่วยได้ทำความสะอาดฆ่าเชื้ออย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากผลตรวจทางห้องปฏิบัติการให้ผลลบทั้ง 2 ครั้ง ก็จะนำผลเข้าสู่การพิจารณาของทีมผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการเพื่อวินิจฉัยและตัดออกจากระบบการเฝ้าระวังสอบสวนโรค ส่วนผู้สัมผัสทั้งหมดก็จะยุติการติดตาม
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชน อย่าตระหนก และใช้ชีวิตตามปกติ และติดตามข่าวความคืบหน้าเรื่องผู้ป่วยและโรคอีโบลาจากกระทรวงสาธารณสุข ขอให้หมั่นล้างมือหลังสัมผัสสิ่งของหรือออกจากห้องน้ำห้องส้วม ยืนยันว่าโรคนี้ติดต่อกันยาก ต้องสัมผัสกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้สูงและอาการอื่นๆ โดยเชื้อจะอยู่ในเลือด หรือสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย รวมทั้งอาเจียน ส่วนการสัมผัสอย่างผิวเผิน เช่น บ้านใกล้กัน เดินสวนกัน กินข้าวร้านเดียวกันหรือร่วมโต๊ะเดียวกันจะไม่ติดโรค