2. ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2557 ประชาชนยังรับชมช่อง 3 original ผ่านเสาอากาศก้างปลา และหนวดกุ้งได้ตามปกติไปจนหมดอายุสัมปทานถึงปี 2563 โดยไม่มีปัญหา ประเด็นที่กำลังถกเถียง คือ กสทช ยังจะอนุญาตให้ผู้ประกอบการโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวี นำสัญญาณช่อง 3 ไปออกอากาศหรือไม่
3. กสทช และผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลบางราย มีความต้องการให้ช่อง 3 original ขึ้นไปออกอากาศคู่ขนานบนช่องทีวีดิจิตอลที่บริษัทในเครือประมูลมาได้ทันที โดยมีความเข้าใจว่าต้องการให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ทีวีดิจิตอลเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด
4. ช่อง 3 เราเห็นว่า ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 27 มีผลเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนโดยทั่วไป เพื่อให้ผู้ชมในระบบดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวีซึ่งมีอยู่ 70% ของประเทศหรือประมาณ 15 ล้านครัวเรือนยังสามารถรับชมช่อง 3 ได้ตามปกติ
5. ช่อง 3 สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบทีวีดิจิตอลอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน บริษัทในเครือช่อง 3 มีความเชื่อมั่นในทีวีดิจิทัล จึงเข้าร่วมประมูลมาถึง 3 ช่องซึ่งมากที่สุดในผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล
6. ช่อง 3 ขอชี้แจงว่าบริษัทในเครือที่ประมูลทีวีดิจิทัลมา เป็นคนละนิติบุคคลกับช่อง 3 และมีแผนธุรกิจชัดเจน ดังนี้ ช่อง 13 Family เพื่อเป็นการคืนกำไรให้ประชาชนโดยเสนอรายการเพื่อเด็ก และเยาวชกกและครอบครัวที่มีสาระประโยชน์เต็มที่ช่อง 28 SD ไว้รองรับการเติบโตของธุรกิจ ช่อง 33 HD เตรียมไว้รองรับช่อง 3 original ในอีก 6 ปีข้างหน้าเมื่อสิ้นสุดสัญญาเดิม โดยในระหว่างนี้กำลังพัฒนาให้เป็นช่องรายการคุณภาพสูง เป็นต้นว่าการถ่ายทอดกีฬานัดสำคัญระดับโลก
7. หาก กสทช ต้องการให้ช่อง 3 original ออกอากาศคู่ขนานทีวีดิจิทัลเร็วกว่าแผนงานที่เราวางไว้ ช่อง 3 ยินดีที่จะหารือกับ กสทช ซึ่งจำเป็นต้องมีขั้นตอนการดำเนินการอย่างรอบคอบ เนื่องจากเป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ และต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม และต้องเคารพสิทธิของช่อง 3 ด้วย
8. ช่อง 3 จะพยายามอย่างที่สุด เพื่อให้ผู้ชมในปัจจุบันทุกระบบออกอากาศไม่ได้รับผลกระทบ
ขณะที่ ในช่วงบ่ายวันนี้ พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) จะเชิญตัวแทนสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลทุกช่องร่วมหารือร่วมกัน