สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ ล่าสุด(9 ต.ค.57) มีปริมาณน้ำรวมกัน จำนวน 44,023 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 63 ของความจุอ่างฯขนาดใหญ่รวมกันทั้งหมด ยังสามารถรองรับน้ำรวมกันได้อีกกว่า 26,303 ล้านลูกบาศก์เมตร
สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ในพื้นที่ภาคเหนือ อาทิ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา จ.เชียงใหม่ มีปริมาณน้ำ 42 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 16 ของความจุอ่างฯ เขื่อนกิ่วลม จ.ลำปาง มีปริมาณน้ำ 38 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 36 ของความจุอ่างฯ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 5,687 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 42 ของความจุอ่างฯ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 5,652 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 59 ของความจุอ่างฯ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 723 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 77 ของความจุอ่างฯ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี มีปริมาณน้ำ 81 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 60 ฃของความจุอ่างฯ เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร มีปริมาณน้ำ 418 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ มีปริมาณน้ำ 1,301 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 66 ของความจุอ่างฯ เขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา มีปริมาณน้ำ 154 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 49 ของความจุอ่างฯ เขื่อนลำนางรอง จ.บุรีรัมย์ มีปริมาณน้ำ 72 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของความจุอ่างฯ
สำหรับในพื้นที่ภาคกลางและตะวันออก ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 774 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 81 ของความจุอ่างฯ เขื่อนทับเสลา จ.อุทัยธานี มีปริมาณน้ำ 43 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 27 ของความจุอ่างฯ เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก มีปริมาณน้ำ 203 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 91 ของความจุอ่างฯ เขื่อนคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา มีปริมาณน้ำ 206 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 49 ของความจุอ่างฯ และเขื่อนบางพระ จ.ชลบุรี มีปริมาณน้ำ 44 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 38 ของความจุอ่าง