พร้อมจัดทำบัญชีพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง โดยนำข้อมูลภัยแล้งในรอบ 3 ปี (พ.ศ.2555 – 2557) มาบูรณาการกับข้อมูลของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้ได้ข้อมูลพื้นที่ประสบภัยแล้งที่ครอบคลุมน้ำอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อการเกษตรทั้งในและนอกเขตชลประทาน โดยระบุหมู่บ้านและชุมชนที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาภัยแล้ง จัดทำแผนเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง กำหนดแนวทางบริหารจัดการน้ำและแผนการแจกจ่ายน้ำให้เป็นระบบและเชื่อมโยงในทุกระดับ วางแผนจัดสรรน้ำตามปริมาณน้ำต้นทุนในพื้นที่ เพื่อให้สามารถกระจายน้ำได้อย่างทั่วถึง
รวมถึงดำเนินการสำรวจและจัดทำบัญชีแหล่งน้ำแยกรายอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ตรวจสอบภาชนะกักเก็บน้ำให้ใช้การได้เพียงพอ และดำเนินการขุดลอกแหล่งน้ำ คู คลอง แหล่งน้ำสาธารณะ เพื่อเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำให้มากขึ้น ตลอดจนส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง รณรงค์ให้ประชาชนจัดหาภาชนะกักเก็บน้ำและซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ พร้อมสำรองน้ำไว้ใช้ยามขาดแคลน โดยร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัด
รวมทั้งสร้างความเข้าใจให้เกษตรกรปลูกพืชฤดูแล้งที่ใช้น้ำน้อย ให้ผลผลิตเร็วและมีตลาดรองรับผลผลิตทดแทนการทำนาปรังหรือพืชที่ใช้น้ำมาก โดยเฉพาะ 26 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลองให้งดทำนาปรัง ขณะที่ 3 จังหวัดลุ่มน้ำปิงและน่านให้งดเลี้ยงปลา ในกระชัง เพื่อป้องกันความเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับสถานการณ์และปริมาณน้ำต้นทุนในพื้นที่ นายฉัตรชัย กล่าวต่อไปว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จะได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เน้นการบริหารจัดการและจัดสรรน้ำให้ทั่วถึง มีประสิทธิภาพ เพียงพอสำหรับ การใช้งาน สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน ภายใต้การมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาสังคม และชุมชน เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ประชาชนได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ขาดแคลนน้ำน้อยที่สุด