กรมชลฯ ออกประกาศงดส่งน้ำปลูกข้าวนาปีต่อเนื่องและนาปรังในลุ่มน้ำแม่กลอง

ทั้งนี้ จากการติดตามสภาพฝนสะสมในพื้นที่ภาคตะวันตก ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 2 พ.ย. 57 พบว่าปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ภาคตะวันตก ซึ่งเป็นที่ตั้งของลุ่มน้ำแม่กลอง อยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยถึงร้อยละ 19 ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณค่อนข้างน้อย ประกอบกับในช่วงหน้าฝน เขื่อนทั้ง 2 แห่งนี้ ยังต้องระบายน้ำเพื่อเสริมน้ำฝนให้กับพื้นที่เพาะปลูกในช่วงฤดูฝน ปี 2557 ด้วย จึงทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนลดลงอย่างต่อเนื่อง

จากการวิเคราะห์สภาพน้ำต้นทุน และข้อมูลสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน ประกอบกับข้อมูลการคาดการณ์ฝนของกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่าปริมาณน้ำต้นทุนที่ใช้การได้ ณ วันที่ 1 ม.ค. 58 จากเขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ จะมีอยู่รวมกันประมาณ 4,975 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งในจำนวนนี้ ต้องสำรองปริมาณน้ำส่วนหนึ่งประมาณ 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนปี 2558 สำหรับการอุปโภค-บริโภค และรักษาระบบนิเวศน์ รวมถึงการเพาะปลูกพืชฤดูฝนที่เกษตรกรสามารถทำการปลูกพืชได้อย่างมั่นคงทั้งลุ่มน้ำ ทำให้คงเหลือปริมาณน้ำเพียง 1,975 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่สามารถนำมาใช้ได้ตลอดในช่วงฤดูแล้งของลุ่มน้ำแม่กลอง ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 30 มิ.ย. 2558 โดยแยกเป็นการใช้น้ำสำหรับอุปโภค – บริโภค รักษาระบบนิเวศน์ และอื่นๆ รวมกัน ประมาณ 1,500 ล้านลูกบาศก์เมตร และเพื่อสนับสนุนด้านการเกษตร(พืชไร่ – พืชผัก ที่ใช้น้ำน้อย) ประมาณ 475 ล้านลูกบาศก์เมตร

ดังนั้น เพื่อให้การใช้น้ำที่มีอยู่อย่างจำกัดนี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำ ตลอดในช่วงฤดูแล้งปี 2557/2558 ต่อเนื่องไปจนถึงต้นฤดูฝนปี 2558 กรมชลประทาน จึงจำเป็นต้องงดส่งน้ำเพื่อการทำนาปีต่อเนื่องและนาปรังในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่กลอง ทั้งนี้ ได้กำชับให้โครงการชลประทานทุกโครงการในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่กลอง ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์และชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องแล้ว