การแถลงข่าววันนี้ไม่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 12 คนและของกลางมาแสดงแต่อย่างใด เป็นเพียงการนำภาพถ่ายของทรัพย์สินที่ระบุว่าพบในบ้านพักหลายแห่งและเซฟเฮ้าส์ของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์มาแสดงเท่านั้น
พล.ต.อ.สมยศ ระบุว่า ที่มาของคดีนี้ได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการตำรวจว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย เพราะมีการเรียกรับผลประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง วัตถุต่างๆ โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการร้องเรียนมาเป็นระยะๆ ทั้งร้องเรียนมาที่ตนเอง และร้องเรียนไปที่นายกรัฐมนตรี ซึ่ง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา
คดีนี้เป็นคดีที่สำคัญ โดยหลักฐานต่างๆที่นำมาแถลงในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง และมีบางส่วนจะต้องเกี่ยวพันกับบุคคลอื่นๆและอาจนำไปสู่การจับกุมเพิ่มเติมในภายหลัง
"ถ้าพยานหลักฐานเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับใครเราก็จะดำเนินการโดยไม่มีการละเว้น...ผู้บังคับบัญชาในอดีตคิดยังไงผมไม่ ทราบ แต่ยุคสมัยของผม ใหญ่แค่ไหนก็จับครับ"ผบ.ตร.กล่าว
ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า หลังจากที่มีการดำเนินการสืบสวนตามคำร้องเรียนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดมาช่วยราชการ เริ่มจากวันที่ 22 พ.ย.ได้มีการขออนุมัติหมายจับจากศาล ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับ 10 คน คือ 1.พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ 2.พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ 3.พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน 4.พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ 5.พ.ต.อ.โกวิทย์ ม่วงนวล 6.ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา 7.ด.ต.ฉัตรินทร์ หรือจักรินทร์ เหล่าทอง 8.นางสวงค์ มุ่งเที่ยง 9.นายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช 10.นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ซึ่งผู้ต้องหาหมายเลข 1-8 ได้รับมอบตัวมาเมื่อวันที่ 22 พ.ย.จากการควบคุมตามกฎอัยการศึก เวลา 20.00 น.และได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาและบันทึกจับกุมในเวลาต่อมา
สำหรับผู้ต้องหาลำดับที่ 9-10 ได้มีการจับกุมตัวได้ในวันต่อมา และในวันที่ 23 พ.ย.ได้ขออนุมัติหมายจับเพิ่มอีก 2 คน คือ นายชอบ ชิณประภา และ นางติยาพรรณ ชิณประภา ในข้อหาฐานร่วมกันฟอกเงิน ผิด พ.ร.บ.การฟอกเงิน ต่อมาวันที่ 24 พ.ย.ได้มีการจับตัวนายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช ได้ที่ อ.เมือง จ.เชียงราย และได้รับมอบตัวนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล เท่ากับผู้ต้องหาทั้งหมดได้ถูกควบคุมตัวและแจ้งข้อหาเรียบร้อยแล้ว
ส่วนรายละเอียดการตรวจค้นของกลางขอชี้แจงผ่านภาพวิดิทัศน์ โดย พ.ต.อ.อัครเดช ชี้แจงว่า จากการตรวจค้นทั้งหมด 11 จุด ทั้งที่ ถนนแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด จ.นนทบุรี, อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ได้อายัดทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งเก็บรักษาเอาไว้ในตู้เซฟที่มีการฝังดินปิดบังอำพรางไว้อย่างดี ไว้ภายในบ้าน ซึ่งบางหลังเป็นบ้านที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ต้องใช้อุปกรณ์ในการเจาะเพื่อเปิดดูภายใน พบทรัพย์สินมีค่ามหาศาล ทั้งวัตถุโบราณ พระพุทธรูปศิลปะเก่าแก่ พระเครื่อง พระบูชา โฉนดที่ดิน งาช้าง ซึ่งต้องเชิญกรมศิลป์มาตรวจสอบอีกครั้งว่ามีที่มาอย่างไร มีมูลค่าขนาดไหน
นอกจากนี้ ยังมีเงินสด เงินธนบัตรไทยและธนบัตรต่างประเทศ สแตมป์ทองคำซึ่งมีไม่กี่ชิ้นในประเทศไทย เพชรพลอย กำไล เครื่องเงิน เครื่องลายคราม คาดว่ามีมูลค่ามากมายมหาศาล
ขณะที่ทรัพย์สินที่ยึดมาจาก พ.ต.อ.โกวิทย์ ที่เพนท์เฮ้าส์ถนนมหาดเล็กหลวง ยึดทรัพย์สินได้มากมายเช่นกัน มีทั้งยานพาหนะราคาแพง พระเครื่องราคาแพง เช่นเดียวกับที่บ้านพักของพ.ต.อ.อัครวุฒิ ซึ่งเป็นเสมือนมือขวา เป็นกุนซือคู่กายของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง การวางตัว หรือการออกความเห็นในการวางแผน พบทรัพย์สินจำนวนมากเช่นกัน
"รวมแล้วได้มีการตรวจค้นในส่วนของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ 11 จุด ส่วนของพ.ต.อ.โกวิทย์ 1 จุด พ.ต.อ.อัครวุฒิ 1 จุด นอกนั้นเป็นของบริวาร รวมทั้งหมด 15 จุด พร้อมกันนี้ ยังได้แสดงภาพแผนผังเครือข่ายการทำงานโดยมีพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์เป็นคนสั่งการ ส่วนการแสวงหาผลประโยชน์ต่างๆมีพ.ต.อ.อัครวุฒิและพ.ต.อ.โกวิทย์เป็นผู้ดำเนินการ"พ.ต.อ.อัครเดช กล่าวสรุป
ด้าน ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า จะมีการขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ อีก แต่ไม่เปิดเผยว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร หรือนักการเมืองร่วมขบวนการนี้หรือไม่