คำฟ้องโจทก์ระบุว่า เมื่อวันที่ 26 ม.ค.-1 มิ.ย. 2537 เวลากลางวัน พวกจำเลยได้บังอาจร่วมกันวางแผนและแบ่งหน้าที่กันทำในการทำหนังสือของบีบีซีถึงบริษัท สยาม แมสฯ เสนอรับเป็นที่ปรึกษาในการซื้อหุ้นที่จะครอบงำกิจการด้านประกันภัย ต่อมาจำเลยที่ 4-8 ร่วมกันขอสินเชื่อจากบีบีซีจำนวน 570 ล้านบาท เพื่อนำเงินดังกล่าวไปซื้อหุ้นครอบงำกิจการบริษัทประกันภัย โดยพวกจำเลยได้เสนอหุ้นจำนวน 6 ล้านหุ้นพร้อมที่ดิน อ.แม่จัน จ.เชียงราย จำนวน 51 แปลง อ้างราคาประเมินที่ดิน 405,900,000 บาท เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ ต่อมาเมื่อวันที่ 3 มี.ค.-30 พ.ย.2538 จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บีบีซี ยังได้ทำการอนุมัติสินเชื่อเบิกเกินบัญชีให้กับจำเลยที่ 4-6 จำนวน 655,649,408.07 บาท โดยไม่นำเสนอคณะกรรมกรรสินเชื่อของบีบีซีพิจารณากลั่นกรองก่อน อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขณะที่รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น 1,014,894,086.49 บาท ซึ่งบีบีซีได้รับเงินบางส่วนคืนแล้วคงเหลืออีกจำนวน 732,982,485.15 บาท จึงขอให้พวกจำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวคืนแก่บีบีซีด้วย
ในวันนี้จำเลยที่ 2, 4, 5 และ 8 เดินทางมาศาลพร้อมกับทนายความ ขณะที่จำเลยที่ 3 ได้ส่งทนายความขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปก่อนเนื่องจากมีอาการป่วย จึงไม่สามารถเดินทางมาฟังคำพิพากษาได้ ขณะที่จำเลยที่ 6 ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา ส่วนนายเกริกเกียรติ จำเลยที่ 1 เสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2555 ด้วยโรคมะเร็งในปอด จึงจำหน่ายออกจากสารบบความ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการที่นายเกริกเกียรติ จำเลยที่ 1 อนุมัติสินเชื่อให้บริษัท สยาม แมสฯ ทั้งที่ปรากฎข้อเท็จจริงว่า บริษัทสยาม แมสฯ มีเงินจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาท เป็นการอนุมัติสินเชื่อที่ผิดปกติวิสัย โดยไม่คำนึงถึงหลักประกันในการชำระหนี้ เป็นการกระทำโดยทุจริต เพื่อประโยชน์ ของผู้อื่นและพวกพ้อง ส่วนนายฉัฐวัสส์ จำเลยที่ 6 เป็นผู้สนับสนุนให้นายเกริกเกียรติ จำเลยที่ 1 กระทำความผิดเป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงบทหนักสุดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จำคุกกระทงละ 5 ปี พร้อมปรับกระทงละ 1 ล้านบาท รวม 31 กระทง จำคุก 155 ปี ปรับ 31 ล้านบาท แต่ตามกฎหมายสูงสุดให้จำคุกนายฉัฐวัสส์ 20 ปี พร้อมปรับเงินจำนวน 31 ล้านบาท และให้ชดใช้เงินคืนแก่บริษัทบีบีซี กว่า 732 ล้านบาท
ส่วนนายเอกชัย จำเลยที่ 2, นายวันชัย จำเลยที่ 3, นายชูชาติ จำเลยที่ 4, นายมาโนช จำเลยที่ 5 และบริษัท อเมริกัน แสตนดาร์ด แอ๊พเพรซัล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างประเมินราคาทรัพย์สิน จำเลยที่ 7, และนายไพโรจน์ จำเลยที่ 8 พยานหลักฐานยังไม่สามารถรับฟังได้และมีข้อสงสัยว่ามีส่วนร่วมกับนายเกริกเกียรติ จำเลยที่ 1 ในการกระทำผิดหรือไม่ จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง แต่ให้ขังจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 5 ไว้ระหว่างอัยการอุทธรณ์