“การให้ข่าวของม.ล.ปนัดดาครั้งนี้ก็เช่นกันมีตัวเลขเรื่องข้าวเสื่อมราคา ข้าวเสีย ข้าวผิดชนิด ข้าวกองล้ม แตกต่างจากผลการตรวจสอบในคราวก่อนๆ อยู่มาก รวมทั้งไม่ทราบว่าการแบ่งเกรดข้าวเป็นเกรด A B C นั้น ใช้เกณฑ์ใดในการแบ่งเกรดข้าว และที่บอกว่าข้าวเสีย ข้าวผิดชนิด และข้าวกองล้ม ไม่ทราบว่าพบที่โรงสีใด โกดังใด จังหวัดใดบ้าง ซึ่งหากมีจริงควรจะระบุให้ชัดเจน" นายนรวิทย์ กล่าว
นายนรวิทย์ กล่าวว่า สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้สร้างมาตรการป้องกันความเสียหายเรื่องความบกพร่องของข้าวหายและข้าวเสื่อมคุณภาพไว้แล้ว หากสูญหายหรือเสื่อมคุณภาพเพราะความบกพร่องจะมีสัญญาให้โรงสี โกดัง และบริษัทเซอร์เวย์เยอร์ต้องรับผิดทางแพ่งโดยจะต้องชดใช้ให้แก่รัฐจากหลักประกัน ที่วางไว้ในอัตราร้อยละ 100 ของมูลค่าสินค้าในคลังสินค้า เนื่องจากได้รับอนุมัติวงเงินจ่ายขาดสำหรับค่าใช้จ่ายในการรักษาสินค้าแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 657 มาตรา 658 และมาตรา 659 และตามคำพิพากษาฎีกาที่ 1861/2522 และคำพิพากษาฎีกาที่ 925/2536 และหากพบว่าเป็นความผิดทางอาญาต้องดำเนินการทางอาญากับผู้กระทำผิดด้วย
“การแบ่งเกรดข้าวที่ขายให้เป็นเกรด A B C มีข้อพิรุธและวาระซ่อนเร้น จึงขอเรียกร้องให้ม.ล.ปนัดดาเปิดเผยผลการตรวจสอบให้ชัดเจนว่าการแบ่งเกรด A B C ของข้าวแต่ละประเภทมีหลักเกณฑ์อย่างไร และใช้เกณฑ์อะไรในการแบ่งประเภทข้าวใหม่ว่าเป็นข้าวไม่ตรงมาตรฐาน และคำว่า“มาตรฐาน" ใครเป็นผู้กำหนด หรือกำหนดโดยวิธีใด การกล่าวรวม ๆ ถือว่าเป็นการทุบตลาดข้าวไทย ทำให้ไม่เป็นผลดีต่อข้าวไทยที่รอการระบายข้าวของรัฐบาล ทั้งที่นายกรัฐมนตรีทำข้อตกลงขายข้าวให้จีนแล้ว อีกทั้งไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำมาก่อน รัฐบาลควรออกมาชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามที่ ม.ล.ปนัดดา ให้ข่าวหรือไม่ หากยังไม่เปิดเผยเพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องนี้ ทีมกฎหมายมีความจำเป็นต้องใช้พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารเพื่อขอให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว" นายนรวิทย์ กล่าว
นายนรวิทย์ ตั้งข้อสังเกตว่า ตั้งแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกยึดอำนาจมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง คสช. ได้สั่งทหารนำเอากุญแจไปล็อคหรือปิดโกดังโรงสีทั่วประเทศไว้แล้ว จะทำให้มีข้อโต้แย้งของโกดังหรือโรงสีหรือไม่ว่าไม่อาจเข้าไปดูแลข้าวได้ และในฐานะทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ขอยืนยันข้อกฎหมายว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้จัดให้มีสัญญาความรับผิดที่โกดังและโรงสีตลอดจน บริษัทเซอร์เวย์เยอร์ต้องรับผิดหากบกพร่องเพื่อมิให้โครงการรับจำนำข้าวเสียหายแล้ว
“ไม่ควรที่ใครจะฉวยโอกาสเอาเรื่องผลการตรวจสอบมากล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองเพราะโดยข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริง เรื่องผลการตรวจสอบอยู่นอกรายงานและสำนวนของ ป.ป.ช. ที่รีบร้อนไต่สวนจนเสร็จก่อนผลการตรวจสอบนี้จะเสร็จสิ้นซึ่งได้เคยร้องขอให้ ป.ป.ช.เผชิญสืบข้าว แต่ป.ป.ช.ก็ไม่สนใจที่จะเผชิญสืบ จึงไม่ควรนำผลการตรวจสอบนี้มาใช้กล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์" นายนรวิทย์ กล่าว