ทั้งนี้ ในกรณีที่มีข้อสงสัยในเนื้อหา ว่าเข้าข่ายที่ต้องปิดหรือไม่ ให้ติดต่อยังผู้ประสานงาน 5 คนที่สำนักงาน กสทช. ได้ให้รายชื่อไว้ หรือรายงานมาที่อีเมล์ และหลังจากที่ทำการปิดเพจแล้วให้ ISP รายงานมายัง สำนักงาน กสทช. และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กระทรวง ICT) ทราบทันที
การดำเนินการในเรื่องนี้ สำนักงาน กสทช. ดำเนินการในภาพใหญ่ทั้งหมดในการใช้งานอินเทอร์เน็ตและโซเชียลเน็ตเวิร์ค ไม่ได้เจาะจงเฉพาะเฟสบุ๊ค โดยการมอนิเตอร์เนื้อหาจะมีจากทั้ง 2 ส่วนคือจากสำนักงาน กสทช.เองและผู้ประกอบการ ISP ส่วนการดำเนินคดีหลังจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของกองบัญชาการตำรวจสันติบาลที่จะดำเนินการร่วมกันหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเด็ดขาดต่อไป
“สำนักงาน กสทช. ตระหนักว่า อาจมีประชาชนบางส่วนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ โพสต์ข้อความหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นเนื้อหาที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคง หรือหมิ่นสถาบัน จะขอให้ประชาชนระมัดระวังตรวจสอบเนื้อหาข้อความก่อนทำการโพสต์ หรือแชร์เนื้อหาข้อความใดๆ และหากประชาชนพบเห็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่ผิดกฎหมายเป็นภัยต่อความมั่นคง ขอให้แจ้งมายังสำนักงาน กสทช. ที่อีเมล์ report.nbtc@gmail.com ทันที"นายฐากร กล่าว
ด้านพล.ต.ท. ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล กล่าวว่า สันติบาลพร้อมในการหาตัวผู้กระทำความผิด และพร้อมดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในกรณีการนำเสนอเนื้อหาที่เป็นภัยต่อความมั่นคง หรือหมิ่นสถาบัน อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยเด็ดขาดทันที