ทั้งนี้ มีการระบุความผิดใน 2 ประเด็น คือ กรรมการสรรหาฯ ดำเนินการสรรหาโดยกีดกันและเลือกปฎิบัติที่กำหนดคุณสมบัติผู้สมัครข้อ 3.1.12 ว่าต้องไม่เป็นผู้รักษาการฯ ผู้ว่า รฟม.ในวันยื่นใบสมัคร 2.กระบวนการสรรหาฯ ดำเนินการผิดขั้นตอน ซึ่งตามประกาศคณะกรรมการสรรหาฯ จะเชิญผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามประกาศมาแสดงวิสัยทัศน์ แต่กรรมการสรรหาฯ ได้รวบรัดให้ผู้สมัครทั้ง 7 คนแสดงวิสัยทัศน์ทั้งหมด โดยไม่ประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติก่อน ทั้งนี้ได้ขอคุ้มครองฉุกเฉินต่อศาลปกครองกลางให้ระงับกระบวนการสรรหาผู้ว่าการ รฟม.ด้วย
พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการ รฟม. กล่าวว่า การสรรหาฯ ผู้ว่า รฟม.เป็นไปตามกระบวนการ ถ้ามีข้อโต้แย้งใดก็ต้องชี้แจง ซึ่งศาลยังไม่มีคำสั่งใดๆ จึงจะยังไม่ต้องหยุดกระบวนการสรรหา เพราะมั่นใจว่าเดินตามกฎระเบียบ กฎหมายเป็นหลัก เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวมและองค์กร การดำเนินงานเป็นไปอย่างถูกต้องและมีเหตุผล ไม่มีอคติกับผู้ใด
ด้านนายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.57 กรรมการสรรหาฯ ได้พิจารณารายชื่อผู้ที่ผ่านคุณสมบัติผู้สมัครทั้ง 7 ราย แต่เนื่องจากได้ทำหนังสือสอบถามไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อยืนยันคุณสมบัติแต่ละรายรวม 9 หน่วยงานแล้ว ล่าสุดตอบยืนยันกลับมาเพียง 6-7 หน่วยทำให้การตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครทั้ง 7 รายยังไม่ครบ
ดังนั้น กรรมการสรรหาฯ จึงยังไม่สามารถประกาศชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติได้ และยังไม่มีการตัดสิทธิ์ผู้สมัครทั้ง 7 ราย ขณะที่ได้กำหนดไว้ให้แสดงวิสัยทัศน์ในวันที่ 5 ม.ค.58 จึงเห็นว่าไม่จำเป็นต้องรอผลตรวจสอบคุณสมบัติให้แล้วเสร็จก่อน และไม่ถือว่าผิดขั้นตอนแต่อย่างใด เนื่องจากต้องการสรุปผลการสรรหาฯ ให้เร็วที่สุด โดยหลังสัมภาษณ์วันที่ 5 ม.ค.58 จะทราบว่าผู้สมัครรายใดได้รับคะแนนสูงสุด และจะเจรจารายละเอียดสัญญาจ้างและค่าตอบแทน แต่งตั้งผู้ว่าฯ รฟม.คนใหม่ให้แล้วเสร็จภายในเดือน ม.ค.58
นายพงษ์ภาณุ ยืนยันว่า ประกาศรับสมัครผู้ว่าการ รฟม.ในเรื่องคุณสมบัติทั่วไปไม่ได้มีข้อกีดกันใดๆ ทั้งสิ้นและไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะตัดสิทธิใคร ไม่ว่าจะเป็นคนในหรือคนนอก ส่วนกรณีเป็นรักษาการผู้ว่าฯ ซึ่งได้กำหนดไว้ในข้อ 3.1.12 นั้นที่ระบุว่าต้องไม่เป็นรักษาการผู้ว่าฯ ในวันยื่นใบสมัครนั้น ไม่ได้กีดกันใครทั้งสิ้น เพราะรักษาการผู้ว่าฯ สามารถลาออกมาลงสมัครสรรหาฯได้ ซึ่ง พ.ร.บ.รฟม. ในมาตรา 27 ระบุว่าให้รองผู้ว่าฯ รฟม.อาวุโสสูงสุดตามลำดับ เป็นผู้รักษาการ ผู้ว่าฯ รฟม. ถ้าไม่มีหรือปฎิบัติหน้าที่ไม่ได้ ให้แต่งตั้งกรรมการคนใดคนหนึ่งรักษาการแทนได้
อย่างไรก็ตาม การกำหนดคุณสมบัติดังกล่าวเป็นผลดี เพราะจะเป็นการเปิดกว้างในการสรรหาได้อย่างเป็นธรรมโปร่งใสและไม่มีการเอื้อประโยชน์หรือก่อให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ ซึ่งกรรมการสรรหาฯได้พิจารณาอย่างละเอียดและคำนึงถึงเหตุในอดีตที่เคยมีรักษาการผู้ว่าฯ รฟม.ใช้อำนาจหน้าที่ให้คุณให้โทษกับผู้สมัครรายอื่นที่เป็นคู่แข่ง โดยการสรรหาผู้ว่าฯ รฟม.เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน เมื่อรักษาการผู้ว่าฯ ไม่ได้รับการสรรหา จึงมีการตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงรองผู้ว่าฯ ที่ได้รับคัดเลือกทำให้ต้องล้มการสรรหาครั้งนั้นไป