นอกจากนี้ ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประสานจังหวัดให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว จัดสรรเครื่องนุ่งห่มกันหนาวอย่างทั่วถึง โดยคำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยเป็นหลักให้การดูแลกลุ่มเปราะบางเป็นพิเศษ รวมถึงดำเนินมาตรการป้องกันภัยในช่วงฤดูหนาว ทั้งอัคคีภัย ไฟป่า หมอกควัน โรคภัยไข้เจ็บ อุบัติเหตุทางถนนในช่วงหมอกลงจัด และอุบัติภัยจากการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ปัจจุบัน มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 8 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ สกลนคร บุรีรัมย์ ลพบุรี มหาสารคาม สุโขทัย และนครสวรรค์ รวม 29 อำเภอ
ส่วนจังหวัดที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) 28 จังหวัด แยกเป็น ภาคเหนือ 12 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 14 จังหวัด และภาคกลาง 2 จังหวัด รวม 320 อำเภอ
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง โดยจัดรถบรรทุกน้ำแจกจ่ายน้ำบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประสานจังหวัดสำรวจปริมาณน้ำ จัดทำบัญชีแหล่งน้ำในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อสนับสนุนการสูบน้ำดิบเข้าสู่ระบบประปาหมู่บ้านและถังน้ำกลางประจำหมู่บ้านให้ประชาชนในพื้นที่ได้ใช้อุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอและบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือภัยแล้ง โดยจัดหาทำความสะอาด ซ่อมแซมภาชนะกักเก็บน้ำให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี สำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภคและใช้น้ำอย่างประหยัด ส่วนเกษตรกรควรวางแผนทำการเกษตรให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำในพื้นที่ โดยงดทำนาปรังในช่วงฤดูแล้ง เลือกปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง
ส่วนภัยหนาวได้ประสานจังหวัดจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาวทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ เพื่อวางแผนให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้สอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมจัดสรรเครื่องนุ่งห่มกันหนาวแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยหนาว รวมถึงดำเนินมาตรการป้องกันภัยในช่วงฤดูหนาว เพื่อให้ประชาชนดำเนินชีวิตได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเตรียมรับมือภัยในช่วงฤดูหนาว โดยเพิ่มความระมัดระวังในการประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับไฟเป็นพิเศษ เพราะช่วงฤดูหนาวมีสภาพอากาศแห้ง ลมพัดแรง เมื่อเกิดเพลิงไหม้ไฟจะลุกลามอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเปิดไฟหน้ารถ ไฟตัดหมอก ไม่ขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุในช่วงหมอกปกคลุมเส้นทาง ตลอดจนรักษาสุขภาพให้แข็งแรง สวมใส่เสื้อผ้าหนาๆ สร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย เพื่อป้องกันโรคที่มักเกิดขึ้นในช่วงสภาพอากาศหนาวเย็น