ในส่วนการเตรียมความพร้อมของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรเพื่อสู้กับสถานการณ์ ภัยแล้งและปัญหาหมอกควันในช่วงฤดูแล้งนี้ อธิบดีวราวุธ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคทั้ง 5 ศูนย์ ได้แก่ เชียงใหม่ นครสวรรค์ ขอนแก่น ระยอง และสุราษฎร์ธานี เตรียมความพร้อมและติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดแล้ว ถึงแม้ว่าตามสถิติข้อมูลความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศในระดับที่เมฆก่อตัวจะเข้าสู่เกณฑ์ 60% ที่สามารถทำฝนได้จะต้องเป็นเดือนมีนาคมเป็นต้นไป แต่ก็มี บางวันและบางพื้นที่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่มีลมสอบเข้าหากันทำให้ความชื้นสูงขึ้นก็จะสามารถขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงในบริเวณดังกล่าวได้ โดยขณะนี้ได้ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วไว้แล้ว 2 ชุดที่สนามบินนครสวรรค์เพื่อเตรียมปฏิบัติภารกิจนี้แล้ว
สำหรับแผนปกติตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2558 จะเริ่มตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจนครบ 10 หน่วย ตามอัตรากำลังที่กรมมีอยู่และรวมทั้งหน่วยบินที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศ โดยในภาคเหนือจัดตั้งหน่วยที่เชียงใหม่ และพิษณุโลกหรือตาก ภาคกลางจัดตั้งหน่วยที่นครสวรรค์ และลพบุรีหรือกาญจนบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตั้งหน่วยที่ขอนแก่น และนครราชสีมาหรืออุบลราชธานี ภาคตะวันออกจัดตั้งหน่วยที่ระยอง และจันทบุรีหรือสระแก้ว ภาคใต้จัดตั้งหน่วยที่ หัวหิน และสุราษฎร์ธานี หรือนครศรีธรรมราช
อธิบดีวราวุธ ได้กล่าวถึงมาตรการการมีส่วนร่วมของผู้รับบริการว่า ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมาได้เริ่มโครงการจัดตั้งอาสาสมัครฝนหลวงในทุกภาคของประเทศ โดยมีตัวแทนเกษตรกรในระดับอำเภอเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครฝนหลวงและผ่านการฝึกอบรมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาสาสมัครเหล่านี้จะ ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการประสานข้อมูลทั้งในด้านการรายงานสภาพการเพาะปลูกและบริเวณพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง ตลอดจนรายงานผลการตกของฝนจากการปฏิบัติการฝนหลวงในแต่ละวัน รวมไปถึงความสามารถในการสังเกตเมฆที่เหมาะสมในการทำฝนหลวงและแจ้งตำแหน่งเป้าหมายให้หน่วยที่อยู่ใกล้ที่สุดขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงได้ทันเวลา ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญและพร้อมดำเนินการเต็มรูปแบบในปีนี้