สธ.คาดยอดผู้เสียชีวิตจากปัญหาหมอกควันปีนี้พุ่ง 500 ราย แม่ฮ่องสอนเสี่ยงสุด

ข่าวทั่วไป Thursday January 29, 2015 16:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ระวังอันตรายจากปัญหาหมอกควันในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. คาดปีนี้อาจมีผู้ป่วยเสียชีวิตจากปัญหาดังกล่าวพุ่งสูงเกือบ 500 ราย โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอนเสี่ยงสูงสุด

"ในปีนี้ กรมควบคุมโรค โดยสำนักระบาดวิทยาได้ดำเนินการวิเคราะห์สถานการณ์ผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจของพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนดังกล่าว ซึ่งได้คาดการณ์จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจ หอบหืด และปอดอุดกั้นเรื้อรังในเดือนมกราคม-มีนาคม 2558 รวม 491 ราย แยกเป็น เดือนมกราคม 148 ราย, กุมภาพันธ์ 161 ราย และมีนาคม 182 ราย เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2556 พบว่ามีค่าใกล้เคียงกัน โดยจำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตในเดือนมกราคม-มีนาคม 2556 มีค่าเท่ากับ 162, 172 และ 168 รายตามลำดับ" นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว

โดยหมอกควันทางภาคเหนือเป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่สำคัญของประเทศไทยและเกิดขึ้นทุกปี เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นแอ่งกระทะและสภาพภูมิอากาศในช่วงฤดูหนาว สภาพอากาศนิ่งและแห้งเป็นเวลานาน ทำให้มีการสะสมของมลพิษเหล่านี้ในบรรยากาศสูงเกินมาตรฐาน ซึ่งมีเกิดจากการเผาไหม้ของไฟป่าบ่อยครั้งทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้กระจายไปยังบริเวณชุมชน และในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคมของทุกปี เป็นช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะทางภาคเหนือที่จะอุณหภูมิต่ำและมีหมอกควันหนาขึ้น มีผลกระทบทำให้เกิดการระคายเคืองทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโรคทางเดินหายใจเรื้อรังอยู่เดิม ได้แก่ โรคหอบหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง อาจทำให้อาการกำเริบรุนแรงจนเสียชีวิตได้ ซึ่งพบมากในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง น่าน พะเยา และแพร่

สำหรับการคาดการณ์ค่า pm10 สูงสุดในเดือน ม.ค.-มี.ค.58 รายจังหวัด พบว่า ปัญหาหมอกควันจะเริ่มเข้าสู่ระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพในทุกจังหวัดตั้งแต่เดือน ก.พ. โดยมีค่า pm10 สูงกว่า 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรในทุกจังหวัด และปัญหาหมอกควันจะมีความรุนแรงมากในเดือน มี.ค. โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอนอาจมีค่า pm10 สูงสุดมากกว่า 420 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ส่วนการคาดการณ์จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจ หอบหืด และปอดอุดกั้นเรื้อรัง พบว่า pm10 ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 3.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และอุณหภูมิที่ลดลงทุกๆ 0.8 องศาเซลเซียส สัมพันธ์กับจำนวนผู้เสียชีวิตจากกลุ่มโรคดังกล่าวที่เพิ่มขึ้น 1 ราย ทั้งนี้ ขอให้ทุกจังหวัดเตรียมความพร้อมในการป้องกันและรับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเพื่อลดความรุนแรงและการเสียชีวิต ดังนี้ 1.สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ติดตามปัญหาหมอกควันอย่างใกล้ชิดทุกวัน พร้อมทั้งเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ ตรวจสอบความพร้อมรับผู้ป่วยของสถานพยาบาลทุกระดับ 2.โรงพยาบาลในพื้นที่ที่มีปัญหาหมอกควันรุนแรง พิจารณาจัดบริการเฉพาะเพื่อรับผู้ป่วยเหล่านี้ และ 3.ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบถึงความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาหมอกควันเป็นระยะ พร้อมทั้งคำแนะนำในการปฏิบัติตัว

ส่วนประชาชนทั่วไปควรติดตามตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกจากบ้านและคำแนะนำจากส่วนราชการ หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านในขณะที่มีฝุ่นละอองในอากาศในปริมาณมาก กรณีที่จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่ที่มีฝุ่น ควัน ควรใช้หน้ากากป้องกันโรคหรือใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ ปิดปากปิดจมูก และควรเปลี่ยนทุกวัน เตรียมยารักษาให้พร้อมใช้งานได้ทันทีที่มีอาการ งดกิจกรรมการเผา และช่วยกันดูแลในชุมชน หากพบว่ามีการเผาให้รีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สำหรับกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และผู้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคปอด หอบหืด ภูมิแพ้ เป็นต้น หากผู้ป่วยมีอาการผิดปกติรุนแรงเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ผิวหนังอักเสบ และตาอักเสบ อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบไปพบแพทย์หรือไปรับบริการที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทันที ซึ่งสถานพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีความพร้อมในการดูแลรักษาผู้ป่วยที่เกิดจากปัญหาหมอกควันเป็นอย่างดีและได้รณรงค์ให้ความรู้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮ็อตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 1422 หรือขอความช่วยเหลือฉุกฉิน โทรสายด่วน 1669


แท็ก ภาคเหนือ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ