สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ล่าสุด(9 ก.พ.58) ที่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 5,941 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 44 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 2,141 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 5,667 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 2,871 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 554 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 59 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 511 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 578 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 60 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 575 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมทั้ง 4 เขื่อนหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 6,044 ล้านลูกบาศก์เมตร
ผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ขณะนี้มีการใช้น้ำไปแล้ว 1,866 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 64 ของแผนจัดสรรน้ำฯ(แผนจัดสรรน้ำฤดูแล้งฯ กำหนดไว้ 2,900 ล้านลูกบาศก์เมตร) สำหรับผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ล่าสุด(ณ 30 ม.ค. 58) มีรายงานว่า เกษตรกรในลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้มีการทำนาปรังไปแล้วกว่า 4.40 ล้านไร่ ในส่วนของสถานการณ์ความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน ปัจจุบันยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ