"เรื่องใบเหลืองอย่าไปวิตก เราต้องยอมรับ โทษใครไม่ได้ เราต้องแก้ไขให้ได้ รัฐบาลนี้เข้ามาก็แก้เต็มที่ ตั้งหลายคณะไปทำ แต่ยังไม่เพียงพอ ผมก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเสร็จภายใน 6 เดือนหรือไม่มันขึ้นอยู่กับทุกคน" นายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมระบุว่า การที่ EU ให้ใบเหลืองไทยนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่เกินความคาดหมาย เพราะมีขั้นตอนการดำเนินการที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอาจจะเป็นการยากที่จะทำให้สำเร็จในระยะเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ดี จากนี้ไปในเรื่องการทำประมงนั้นจะให้มีการจัดตั้งศูนย์ไว้ตามท่าเรือต่างๆ เพื่อรายงานการสถานะการทำประมง การเข้า-ออกของเรือประมง ลูกเรือ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นข้อมูลที่ทางการสามารถติดตามได้
"ต่อไปนี้จะให้มีการตั้งศูนย์ต่างๆ ตามท่าต่างๆ ด้วย มีทหารตำรวจไปเฝ้าอยู่ เรือเข้าเรือออก ท่านต้องร่วมมือ ผมจะใช้แบบนี้ ไปแล้วไม่กลับ ไปแล้วไม่รายงานไม่ ลูกเรืออยู่ไหนไม่รู้ นี่มันผิดทั้งหมด" นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยต้องทำให้ EU รับทราบและเข้าใจว่าไทยมีความตั้งใจและพยายามเร่งแก้ปัญหาในเรื่องการทำประมงผิดกฎหมายอย่างจริงจัง และไม่ควรมองว่า EU จ้องจะจับผิดไทย เพราะกรณีนี้เป็นเรื่องที่ EU ปฏิบัติกับทุกประเทศ แต่ให้ถือว่าใช้วิกฤติที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นโอกาสที่จะทำให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมายนี้อย่างจริงจัง พร้อมเชื่อว่า EU จะเห็นถึงความพยายามของไทย แล้วให้โอกาสไทยปรับปรุง ซึ่งตนหวังว่าปัญหาน่าจะดีขึ้นได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด
"ผมใช้วิกฤติเป็นโอกาสแล้วกัน สร้างความเข้าใจ ร่วมมือกัน สื่อก็ต้องช่วยกันเสนอข้อเท็จจริงให้รอบด้านว่ามันมีปัญหาอย่างนี้ แล้วก็ตอนนี้รัฐบาลนี้กำลังทำเรื่องนี้ ถ้าอย่างนี้โอเคเลย แต่ไม่ใช่บอกล้มเหลว ทำไม่สำเร็จ แล้วจะทำสำเร็จได้ยังไง มัน 6 เดือนเอง ถ้าอยากทำสำเร็จหรือทำเร็วๆ ก็ไปฝากใครทำแล้วกัน" นายกรัฐมนตรี กล่าว