1.ผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดา ได้เฉพาะการบริจาคเป็นเงิน ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยของหน่วยงานราชการที่เปิดรับบริจาคเป็นการเฉพาะ เช่น บัญชี “หัวใจไทย ส่งไปเนปาล"ธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล ของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หมายเลขบัญชี 067-0-10330-6 เป็นต้น หรือผ่านบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เช่น สถานีโทรทัศน์ หรือมูลนิธิของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นต้น ผู้บริจาคสามารถนำเงินบริจาคไปหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีได้ตามจริง(รวมกับเงินบริจาคอื่นๆ ด้วย) แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆ แล้ว โดยใช้หนังสือสำคัญการรับเงินบริจาคที่ส่วนราชการ หรือนิติบุคคลที่เป็นตัวแทนรับบริจาคออกให้ หรือใบโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร หรือสลิปของธนาคาร เพื่อเป็นหลักฐานในการนำไปหักลดหย่อนต่อไป
2.ผู้บริจาคที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถนำเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคไปหักรายจ่ายได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิในปีที่บริจาค นอกจากนี้ กรณีการบริจาคทรัพย์สินหรือสินค้าดังกล่าว ถือเป็นเหตุอันสมควรที่ไม่มีภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม ทั้งนี้ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่รับบริจาคเงินหรือทรัพย์สินตามข้อ 1 และข้อ 2 ต้องนำเงินและทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคมาทั้งจำนวนนั้น ไปบริจาคให้แก่หน่วยงานของส่วนราชการไทยเท่านั้น เช่น สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย และหน่วยงานราชการนั้นจะต้องออกหนังสือสำคัญหรือหลักฐานที่แสดงว่าได้รับการบริจาคโดยมียอดเงินหรือทรัพย์สินที่เป็นยอดรวมทั้งสิ้นตรงกับยอดที่รับบริจาคมาทั้งจำนวน กรณีนี้ ผู้บริจาคตามข้อ 1 และข้อ 2 จึงจะได้รับสิทธินำยอดเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคไปหักลดหย่อนหรือหักรายจ่ายได้ แต่หากตัวแทนรับบริจาคนำไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยโดยตรง ผู้บริจาคจะไม่ได้รับสิทธิในการหักลดหย่อนแต่อย่างใด