สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา ล่าสุด(28 เม.ย. 58) ที่เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 5,270 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 39 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,470 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 4,832 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 51 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,982 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 281 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 238 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 255 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 27 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 252 ล้านลูกบาศก์เมตร
รวมทั้ง 4 เขื่อนหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 3,940 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยปริมาณน้ำใช้การได้จำนวนนี้ แยกเป็นปริมาณน้ำที่ใช้ได้ตามแผนการจัดสรรน้ำฤดูแล้งปี 57/58 ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนเมษายนนี้ ประมาณ 130 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 3,800 ล้านลูกบาศก์เมตร จะใช้สำหรับการการทำนาปีในช่วงต้นฤดูฝนของปีนี้