"เรามองว่าโครงการนี้มีขนาดใหญ่เกินไป อาจเกินความจำเป็นกับวัตถุประสงค์ของโครงการ และกระทั่งถึงตอนนี้ยังไม่มีแบบร่างโครงการที่ชัดเจนออกมา แสดงถึงความไม่พร้อมในการดำเนินงาน หากยังคงมุ่งมั่นที่จะทำต่อไปอาจส่งผลเสียตามมา จึงอยากขอให้ทางผู้ดำเนินโครงการมีการทบทวนการก่อสร้างโครงการนี้ ให้มีการศึกษาข้อมูลที่ชัดเจนก่อนการดำเนินการ ไม่ควรเร่งรัดจัดทำจนเกินไป และอยากให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเราจะร่วมกันจัดทำจดหมายยื่นต่อผู้รับผิดชอบต่อไป" นายพิชัย วงศ์ไวศยวรรณ นายกสมาคมสถาปนิกสยามฯ กล่าว
ขณะที่นายภราเดช พยัฆวิเชียร นายกสมาคมสถาปนิกผังเมืองไทย(TUDA) กล่าวว่า รัฐบาลตั้งโจทย์ถูกหรือไม่ จะสร้างถนนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อใคร คุ้มค่าหรือไม่ทั้งด้านการลงทุน และจิตวิญญาณ ถ้าตอบโจทย์ไม่ถูกแล้วสร้างออกมาโครงการนี้จะอันตรายมาก เพราะจะไม่มีใครแสดงความรับผิดชอบ ไม่มีชุมชนช่วยดูแล และจะกลายเป็นพื้นที่อาชญากรรมได้ อีกทั้งพื้นที่ริมน้ำเจ้าพระยามีบริบทต่อประเทศไทยหลายอย่าง ขณะนี้มันคือจิตวิญญาณของเมืองกรุงเทพฯ เป็นรากเหง้าประวัติศาสตร์ ไม่ใช่แค่วิวสวยๆ เท่านั้น
ด้านนายวสุ โปษยานนท์ เลขาธิการสภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ ตัวแทนนายกสมาคมอิโคโมสไทย กล่าวว่า กทม.กำลังจัดการเรื่องทำให้เมืองกรุงเทพฯ ขึ้นเป็นมรดกโลก ซึ่งข้อดีของกรุงเทพฯ คือ แม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นเหมือสัญญลักษณ์ของที่นี่ และทำให้กรุงเทพฯ ต่างจากเมืองอื่น
"แม่น้ำเจ้าพระยาคือที่มาของวัฒนธรรม ทำให้เราแตกต่างจากเมืองอื่นๆ การที่อยากจะให้เจ้าพระยาเหมือนแม่น้ำแซนในยุโรป หรือแม่น้ำฮันในเกาหลีซึ่งมีลักษณะทางกายภาพ และวิถีชีวิตของผู้คนต่างกัน แล้วไปลอกเลียนมา ก็อาจจะทำให้เราเสียคุณค่าอะไรบางอย่างไป เราคงไม่ได้คัดค้านความปรารถนาดีของรัฐบาล แต่กระบวนการในการได้มาซึ่งโครงการเหล่านั้น อย่างการออกแบบ มันไม่จำเป็นว่าโครงการนึงจะมีแค่คำตอบเดียว การที่กรุงเทพฯจะเป็นมรกดโลกจะมีผลกระทบอย่างมากเพราะกรุงเทพฯมีคุณค่าสมกับที่จะได้เป็นมรดกโลกซึ่งประเด็นสำคัญคือ การเลือกที่ตั้งของเมืองโดยมีเจ้าพระเยาเป็นตัวเล่าเรื่อง" นายวสุ กล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลและกรุงเทพมหานคร(กทม.) มีแผนจัดทำโครงการพัฒนาริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ระบุว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างเส้นทางจักรยานคนเมืองริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เหนือบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ เป็นระยะทางฝั่งละ 7 กิโลเมตร รวม 14 กิโลเมตร ตั้งแต่สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ จรดสะพานพระรามเจ็ด โดยรูปแบบการก่อสร้างจะมีการลงเสาเข็มลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งละ 20 เมตร ต้องใช้เวลาก่อสร้างรวม 18 เดือน
สำหรับองค์กรวิชาชีพด้านสถาปัตย์ 6 แห่ง ประกอบด้วย สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์(ASA), สมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย(TIDA), สมาคมสถาปนิกชุมชนเมืองไทย(TUDA), สมาคมภูมิสถาปนิกประเทศไทย(TALA), สมาคมอีโคโมสไทย(ICOMOSTHAI) และสภาคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย มีความเห็นในทางเดียวกันว่า บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาและสถานที่โดยรอบมีความเก่าแก่และมีวิถีชีวิตชุมชนซ่อนอยู่มากมาย ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ ทั้งในด้านภูมิทัศน์ ด้านสิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตชุมชนริมน้ำ และระบบป้องกันน้ำท่วม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมของประเทศก็เป็นได้ ที่สำคัญในเส้นทางการก่อสร้างดังกล่าวนั้นยังอาจไปรบกวนต่อสถาปัตยกรรมโบราณสถานอันควรค่าแก่การอนุรักษ์อีกด้วย