สำหรับแนวทางที่ประชาชนคิดว่าจะแก้ไขปัญหาหวยแพงได้ 3 อันดับแรก คือ อันดับ 1 คสช.ต้องเข้ามาดำเนินการและดูแลเรื่องนี้ด้วยตนเอง อันดับ 2 กฎหมายต้องชัดเจน รัดกุม เจ้าหน้าที่เอาจริงเอาจัง เพิ่มบทลงโทษให้หนักขึ้น และอันดับ 3 ยกเลิกระบบโควต้า เปิดโอกาสให้ผู้ค้ารายย่อยเข้ามาซื้อโดยตรง
ทั้งนี้ สำหรับการที่รัฐบาลนำมาตรา 44 มาใช้จะช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่นั้น ประชาชนส่วนใหญ่ 54.85% ตอบว่าไม่แน่ใจ เพราะเป็นปัญหาที่มีมานาน อาจแก้ได้สักพักแต่ก็กลับมาขายในราคาแพงใหม่ ต้องรอดูสักระยะ ฯลฯ รองลงมา ประชาชน 32.84% ตอบว่าช่วยได้ เพราะมีอำนาจเด็ดขาด สามารถดำเนินการได้ทันที คนเกรงกลัว ไม่กล้าทำผิด หากทุกฝ่ายร่วมมืออย่างจริงจัง ฯลฯ ในขณะที่ประชาชนอีก 12.31% ตอบว่าช่วยไม่ได้ เพราะเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลและนายทุนรายใหญ่ เจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจ กฎหมายไม่ชัดเจน ฯลฯ
และจากที่มีการแต่งตั้งพลตรีอภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลคนใหม่ ประชาชนมั่นใจต่อการทำงานของบอร์ดมากน้อยเพียงใดนั้น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 41.03% ค่อนข้างมั่นใจ เพราะอยู่ในคณะทำงานของ คสช., ก่อนหน้านี้เคยได้รับมอบหมายเรื่องจัดระเบียบสังคม และปราบผู้มีอิทธิพล, เป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่น เอาจริงเอาจังที่จะแก้ปัญหาให้หมดไป ฯลฯ
ขณะที่ประชาชน 31.87% ไม่ค่อยมั่นใจ เพราะเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขให้หมดสิ้นได้ พ.ร.บ.สลากยังมีปัญหา ไม่สามารถนำมาแก้ไขได้อย่างจริงจัง ฯลฯ และประชาชน 17.94% ตอบว่าไม่มั่นใจเลย เพราะยังไม่เคยมีใครหรือรัฐบาลชุดใดทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมาก ฯลฯ ทั้งนี้มีประชาชนเพียง 9.16% ที่ตอบว่ามั่นใจมาก เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ คสช.ให้ความสำคัญ, มีมาตรการแนวทางแก้ไขอย่างจริงจัง เป็นการพิสูจน์ผลงานให้สังคมได้เห็น ฯลฯ
โดยภาพรวมแล้ว ประชาชนคิดว่าปัญหาหวยแพงจะแก้ได้สำเร็จหรือไม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 48.70% ระบุว่าไม่แน่ใจ เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ควรแก้ไขใหม่ทั้งระบบโดยเฉพาะปัญหาภายในของกองสลากเอง ฯลฯ รองลงมา ประชาชน 31.23% ระบุว่าแก้ไขได้สำเร็จ เพราะเชื่อมั่นในการทำงานของ คสช.ที่เด็ดขาดเอาจริงเอาจัง ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายได้รับความเป็นธรรม ฯลฯ ขณะที่ประชาชนอีก 20.07% ระบุว่าแก้ไขไม่ได้ เพราะผู้ค้ารายย่อยไม่มีเงินทุนพอที่จะมาซื้อ ต้องรับต่อมาจากยี่ปั๊วอยู่ดี ต้นทุนสูง กำไรน้อยอยู่ไม่ได้ ฯลฯ
อนึ่ง ผลการสำรวจดังกล่าว มาจากความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,254 คน ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 4-8 พ.ค.58