"ที่ผ่านมาประเทศไทยดูแลผู้ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฏหมายตามหลักมนุษยธรรมเสมอมา อย่างไรก็ตามต้องเข้าใจว่า ผู้ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฏหมายเหล่านี้เป็นผู้กระทำผิดกฏหมายของไทย จำเป็นต้องถูกควบคุมตัวดำเนินคดี และส่งกลับต้นทางหรือประเทศที่ 3 ต่อไป ตามความสมัครใจของผู้ลักลอบ ไม่มีนโยบายให้ตั้งรกรากในประเทศไทย"
พลตรีสรรเสริญ กล่าวต่อว่า แนวคิดจากบางองค์กรที่เสนอให้เประเทศไทยเปิดชายแดนรับผู้หลบหนีข้ามแดนเหล่านี้เข้ามา แล้วจัดหาที่อยู่ ดูแลเรื่องจัดหางานให้ทำ เป็นแนวคิดที่ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง รวมทั้งสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดกฏหมายของไทย รวมทั้งอาจกระทบกับปัญหาความมั่นคงของประเทศไทย
"ต้องไม่ลืมว่า บุคคลกลุ่มนี้เป็นผู้ลักลอบข้ามแดนผิดกฏหมาย ข้อเสนอเช่นนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ วิธีการแก้ไขปัญหาที่ สมเหตุสมผลคือ องค์กรนานาชาติที่มีหน้าที่บรรเทาทุกข์จำเป็นต้องเข้าไปจัดระเบียบ และดูแลคนกลุ่มนี้ตั้งแต่ในประเทศต้นทาง ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายและหลบหนีมายังประเทศอื่นๆอีก"
ทั้งนี้รัฐบาลไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมว่า ด้วย การโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ ในมหาสมุทรอินเดีย ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2558 ที่กรุงเทพฯ
โดยในการประชุมครั้งนี้ รัฐบาลไทยจะเชิญเจ้าหน้าที่อาวุโสจากประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด 15 ประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม บังคลาเทศ
รวมทั้งเชิญประเทศผู้สังเกตการณ์ อาทิ สหรัฐฯ ตลอดจนผู้แทนองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) และสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เข้าร่วมด้วย
โดยในที่ประชุม จะเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและข่าวกรองเกี่ยวกับสถานการณ์การโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติทางทะเล และอาจจะมีการบังคับใช้กฎหมายร่วมกันเพื่อทลายเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ