ปัจจุบัน (9 มิ.ย.) ปริมาตรน้ำใช้การได้ เขื่อนภูมิพล 457 ล้านลบ.ม. เขื่อนสิริกิติ์ 831 ล้านลบ.ม. รวมทั้ง 2 เขื่อน จำนวน 1,288 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 7% ของความจุน้ำใช้การได้ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน 95 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 11% ของความจุน้ำใช้การได้ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จำนวน 97 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 10% ของความจุน้ำใช้การได้
อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า จากการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะหืแนวโน้มสถานการณ์น้ำ มีมติเห็นชอบให้ระบายน้ำจากเขื่อนทั้ง 4 แห่ง ในช่วงเดือนมิ.ย.-ก.ค. อัตรารวมเฉลี่ยวันละ 30-35 ล้านลบ.ม. สามารถสนับสนุนเพียงพอเฉพาะเพื่อการอุปโภค-บริโภค รักษาระบบนิเวศน์และอื่นๆ รวมถึงพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปีที่ได้เพาะปลูกแล้ว จำนวน 2.84 ล้านไร่เท่านั้น
จากสภาวะดังกล่าว กรมชลประทานจึงขอความร่วมมือให้เกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ยังไม่ได้เพาะปลูกข้าวนาปีชะลอการเพาะปลูกไปก่อนจนกว่าจะเริ่มมีฝนตกชุกหรือมีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูกประมาณปลายเดือนก.ค. และขอให้ใช้น้ำอย่างประหยัดเพื่อป้องกันการเกิดการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา