ดังนั้น กรมควบคุมโรค จึงออกประกาศแนะนำสำหรับผู้เดินทาง/นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปประเทศที่มีการระบาดของโรค โดยปัจจุบัน พบกว่า กลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการป่วยรุนแรง ได้แก่ ผู้มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน โรคปอดเรื้อรัง โรคไตวาย หรือผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ ผู้สูงอายุ ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในประเทศที่มีการระบาดในช่วงที่มีการระบาดของโรค
สำหรับผู้เดินทางทั่วไปควรปฎิบัติ ดังนี้ 1.หากไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานพยาบาลในช่วงที่มีการระบาดของโรค 2.หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ หรือผู้มีอาการไอ จาม 3. หลีกเลี่ยงการเข้าไปหรือสัมผัสฟาร์มสัตว์ หรือสัตว์ป่าต่างๆ หรือดื่มน้ำนมดิบ โดยไม่ผ่านการฆ่าเชื้อโรค โดยเฉพาะน้ำนมอูฐ ซึ่งอาจเป็นแหล่งรังโรคของเชื้อได้ 4.ปฏิบัติตามสุขอนามัย กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ด้วยน้ำสบู่บ่อย ๆ
5.ถ้ามีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสคลุกคลีกับบุคคลอื่น เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ เมื่อไอ หรือจามควรใช้กระดาษชำระปิดปากและจมูกทุกครั้ง และทิ้งกระดาษชำระที่ใช้แล้วลงถังขยะที่ปิดมิดชิด และล้างมือให้สะอาด สวมหน้ากากอนามัยกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติได้ ควรไอหรือจามลงบนเสื้อผ้าบริเวณแขน ไม่ควรจามรดมือ และรีบพบแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที และ 6. หลังจากกลับจากการเดินทางหากภายใน14 วันมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หรือมีน้ำมูก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกรายงานพบผุ้ป่วยยืนยันการติดเชื้อโรคเมอร์ส ณ วันที่ 12 มิ.ย. 58 จำนวน 1,289 รย เสียชีวิต 455 ราย จาก 25 ประเทศ
ขณะที่วันนี้ นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นประธานการประชุมหารือมาตรการและแนวทางการดูแลผู้เดินทางที่มาจากประเทศที่มีการระบาดของโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส (MERS)ร่วมกับผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนผู้ประกอบการธุรกิจด้านการท่องเที่ยวที่มีความเกี่ยวข้องกับการดูแลนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่มีการระบาด