7 องค์กรเครือข่ายด้านสิทธิมนุษยชน ออกแถลงการณ์ค้านรัฐส่งกลับชาวอุยกูร์

ข่าวทั่วไป Friday July 10, 2015 15:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เครือข่ายองค์กรที่ทำงานด้านประชากรข้ามชาติ ประกอบด้วย สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา โครงการเฝ้าระวังสภาวะไร้รัฐ (stateless watch) มูลนิธิส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (Prorights Foundation) มูลนิธิผสานวัฒนธรรม สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์คัดค้านรัฐส่งกลับชาวมุสลิม อุยกูร์ จำนวนกว่า 90 คน ไปโดยไม่สมัครใจ

แถลงการณ์ระบุว่า เครือข่ายองค์กรที่ทำงานด้านประชากรข้ามชาติ มีความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมาประเทศไทยจะยืนยันว่าได้ดำเนินการให้มีการพิสูจน์สัญชาติโดยตัวแทนจากทั้งประเทศตุรกีและประเทศจีน แต่ดังที่ทราบกันดีว่า สถานการณ์ภายในพื้นที่บางส่วนของประเทศจีนยังคงมีปัญหาความขัดแย้งระหว่างชนชาติอุยกูร์และรัฐบาลจีน ทำให้ชาวมุสลิมจำนวนหลายรายต้องหนีภัยประหัติประหารออกจากพื้นที่ความขัดแย้ง

การตัดสินใจผลักดันชาวมุสลิมกลับไปยังประเทศจีนโดยไม่สมัครใจและไม่ตระหนักถึงการต้องเผชิญกับภัยประหัตประหาร หรือมีความเสี่ยงต่อชีวิตหรือเสรีภาพของผู้ถูกผลักดันกลับ จึงเป็นการละเมิดหลักการห้ามผลักดันไปเผชิญอันตราย (Non-Refoulement) ซึ่งเป็นกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ (Customary international law) ที่ผูกพันรัฐไทย แม้ว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้รับอนุสัญญาผู้ลี้ภัยก็ตาม

นอกจากนี้ การส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวนกว่า 90 รายแก่ประเทศจีน มีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มคนดังกล่าวอาจได้รับการตั้งข้อหาที่ร้ายแรงโดยไม่เป็นธรรม โดยปราศจากกระบวนการเฝ้าระวังต่อการดำเนินกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของประเทศจีน โดยองค์กรอิสระภายนอก

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทางเครือข่ายฯ มีข้อเรียกร้องถึงรัฐบาลไทยและองค์กรเอกชนที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนนานาชาติ ดังต่อไปนี้

1.ขอให้รัฐบาลไทยทบทวนการปฏิบัติตามกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศและกติการะหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีและในฐานะสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ เพื่อป้องกันและคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตของผู้หนีภัยประหัติประหาร ซึ่งนอกจากจะเป็นการยึดหลักมนุษยธรรมและหลักสากลตามที่ไทยได้ยืนยันมาตลอดแล้ว ยังเป็นการช่วยให้รัฐไทยรอดพ้นจากความโกรธแค้นหรือเกลียดชัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มผู้ที่มีความเห็นใจต่อกลุ่มชายมุสลิมอุยกูรย์ในตุรกี ที่อาจจะต้องเผชิญกับภัยประหัติประหาร การปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยยธรรม การทรมาน เป็นต้น

2.ขอให้รัฐบาลไทยมีมาตรการในการตรวจสอบการดำเนินการในครั้งนี้ และขอให้ผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อการดำเนินการดังกล่าวแสดงความรับผิดชอบต่อการดำเนินการที่เกิดขึ้น รวมทั้งกำหนดมาตรการในการจัดการต่อกรณีการดำเนินต่อผู้อพยพแสวงหาที่พักพิงตามกฎหมายระหว่างประเทศ

3. ยินยอมให้ เจ้าหน้าที่จากสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งองค์การสหประชาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่มีความเป็นมืออาชีพ และได้รับการยอมรับโดยสมาชิกขององค์การสหประชาชาติด้วยกัน ในการเข้าไปดูแลและตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานะของผู้ลี้ภัยของกลุ่มชาวมุสลิมอุยกูร์ได้อย่างเป็นอิสระ เพื่อสามารถกำหนดแนวทางให้การช่วยเหลือได้ตามกรอบหน้าที่

4. ขอให้องค์กรด้านการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ และภาคประชาสังคมของประเทศจีนเอง เฝ้าติดตามชะตากรรมและตรวจสอบการดำเนินการใดๆ ของรัฐบาลจีนที่จะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับกลุ่มดังกล่าว

5. ขอให้เรียกร้องให้รัฐบาลจีน เปิดโอกาสให้ผู้แทนขององค์การสหประชาชาติ สนับสนุนกระบวนการสร้างสันติภาพในพื้นที่ความขัดแย้ง เพื่อประกันการอยู่ร่วมกันของประชาชนที่มีวัฒนธรรม ภาษา ศาสนาที่หลากหลาย อย่างสันติ เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และเคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ