นางรัตนา กิจวรรณ ผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) กล่าวว่า จากกรณีที่ชาวปทุมธานีเผชิญวิกฤตแล้งถึงขั้นขาดแคลนน้ำประปา เหตุคลองระพีพัฒน์แห้งขอด ไม่มีน้ำดิบ ส่งโรงผลิตน้ำประปา จนผู้ว่าราชการ จ.ปทุมธานี ต้องประกาศภัยพิบัติแล้ว 3 อำเภอ คือ ธัญบุรี หนองเสือ ลำลูกกา จนได้ประสานงานกับกรมชลประทานเพื่อขอจัดสรรน้ำอย่างเร่งด่วนแล้ว โดยกรมชลประทานจะผลักดันน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ให้ลงมาถึงสถานีสูบจ่ายน้ำคลอง 13
ทั้งนี้ คาดว่าถ้าหากไม่มีเหตุฉุกเฉินแทรกซ้อน น่าจะมีน้ำมากพอป้อนเข้าระบบผลิตประปาจนถึงระดับหัวสูบเข้าโรงผลิตได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ากว่าน้ำจะเต็มระบบก็ต้องให้เวลาและปริมาณน้ำเข้าจุดสูบต้องไม่ขาดสาย
"เราคาดว่าจะพยายามผลิตน้ำประปาให้ได้ภายในคืนนี้แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้ช่วงเวลาไหน แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการเต็มที่ ขอให้ประชาชนสบายใจ ไม่ปล่อยให้ประชาชนขาดน้ำแน่นอน"ผู้ว่าฯ กปภ.กล่าว
นางรัตนา กล่าวต่อว่า ขณะนี้พื้นที่ที่วิกฤตคือพื้นที่ที่อาศัยน้ำจากคลองระพีพัฒน์ แต่พื้นที่ที่อาศัยพึ่งพาน้ำจากเจ้าพระยาและคลองรังสิตยังประคับประคองไปได้ แต่การจะเอาน้ำจากคลองรังสิตไปช่วยคลองระพีพัฒน์ ช่วยประปาธัญบุรีก็ถือว่ามีความเสี่ยง เพราะต้องรักษาระดับค่าความเค็มไม่ให้เกินเกณฑ์ เพราะเวลาน้ำเค็มในเจ้าพระยาดันมาใกล้บริเวณสถานีสูบน้ำสำแล จ.พระนครศรีอยุธยาแล้ว
ค่าความเค็มของแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแล เมื่อวันที่ 12 ก.ค. อยู่ที่ 0.54 กรัม/ลิตร สูงกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 0.25 กรัม/ลิตร
นอกจากนี้ เราก็พยายามหาแหล่งน้ำสำรองเพิ่มเติมด้วย โดยประสานกับมูลนิธิชัยพัฒนาขอใช้น้ำจากสระพระราม 9 อยู่ในพื้นที่ของธัญบุรีด้วย รวมทั้งเจาะบ่อบาดาลเพิ่มเติมเพื่อรองรับในกรณีฝนไม่ตก ในส่วนที่ไม่มีน้ำคือคลอง 7 ซึ่งเราจะใช้จากประปารังสิตเข้ามาเสริม แต่ระยะยาวจะมองเรื่องของน้ำบาดาลเป็นหลักก่อน